สงกรานต์ชุ่มฉ่ำ เทศกาลความหวัง ศึกหนักท่องเที่ยวตัวตึงจะดึงเศรษฐกิจไทยฟื้นได้แค่ไหน?

433
0
Share:

สงกรานต์ ชุ่มฉ่ำ เทศกาลความหวัง ศึกหนัก ท่องเที่ยว ตัวตึงจะดึง เศรษฐกิจ ไทยฟื้นได้แค่ไหน?

เทศกาลสงกรานต์ที่นับว่าเป็นแม่เหล็กดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติให้เข้ามาเที่ยวไทยทุกปี แต่เมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมา ต้องเงียบเหงาจากพิษโควิด-19 มาในปีนี้บรรยากาศต่างๆ ดูจะคึกคัก หลังจากที่ต้องอัดอั้นกันมานาน ทั้งบรรยากาศคึกคักของการสาดน้ำสงกรานต์ การเฉลิมฉลองปีใหม่ไทยตามประเพณี งานรื่นเริงต่างๆ ที่จะเป็นตัวกระตุ้นการจับจ่าย รายได้ที่จะเข้ามาจากนักท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างชาติ นับเป็นเทศกาลแห่งความหวังที่ไทยจะได้ลืมหูลืมตา มีรายได้กระตุ้นเศรษฐกิจ ดึงรายได้เข้ามาให้เห็นเป็นกอบเป็นกำอีกครั้ง

หลายหน่วยงานเศรษฐกิจต่างก็คาดหวังว่ารายได้จากการท่องเที่ยว โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวต่างชาติจะเป็นฟันเฟืองหลักในการกระตุ้นเศรษฐกิจ

งานวิเคราะห์ตลาดในประเทศและงานวิเคราะห์ตลาดต่างประเทศ กองกลยุทธ์การตลาด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดว่าการเดินทางท่องเที่ยวช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี 2566 ระหว่างวันที่ 12-16 เมษายน 2566 นี้ บรรยากาศการเดินทางท่องเที่ยวจากตลาดในประเทศและตลาดต่างประเทศคึกคักมากขึ้นจากปีที่ผ่านมา และ ททท. คาดว่าจะสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวประมาณ 18,530 ล้านบาท

ส่วนตลาดการท่องเที่ยวในประเทศ ททท. คาดว่าจะมีจำนวนผู้เยี่ยมเยือนชาวไทยเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ 3,808,500 คน-ครั้ง และใช้จ่ายสร้างรายได้หมุนเวียน 13,500 ล้านบาท ซึ่งถือว่าทั้งจำนวนและรายได้ทางการท่องเที่ยวช่วงสงกรานต์ปี 2566 กลับเข้าสู่ภาวะปกติก่อนเกิดวิกฤตโควิด-19

ขณะที่นักท่องเที่ยวต่างชาติคาดว่าจะเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวประเทศไทยประมาณ 305,000 คน เพิ่มขึ้น 525% จากปีที่ผ่านมา และคิดเป็นสัดส่วน 58% ของจำนวนนักท่องเที่ยวช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี 2562

โดยประเมินว่าชาวต่างชาติจะใช้เวลาเที่ยวไทยประมาณ 3-4 วัน และมีการใช้จ่ายเฉลี่ยต่อวันประมาณ 5,380 บาท ซึ่งสูงกว่าปี 2562 ก่อนวิกฤตโควิด-19 แต่ส่วนหนึ่งก็มาจากข้าวของที่แพงขึ้น ซึ่งจะสามารถรายได้ทางการท่องเที่ยวประมาณ 5,030 ล้านบาท

หลักๆ คาดว่านักท่องเที่ยวจีนจะมาเป็นอันดับต้นๆ คาดว่าจะมีจำนวน 56,790 คน รองลงมาเป็นมาเลเซีย 50,310 คน และเวียดนาม 15,930 คน

ในปี 2566 ททท. ตั้งเป้าหมายมีรายได้จากการท่องเที่ยว 2.38 ล้านล้านบาท โดยเกิดจากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่มาเยือนประเทศไทยทั้งปีจำนวน 25-30 ล้านคน สร้างรายได้ประมาณ 1.5 ล้านล้านบาท และนักท่องเที่ยวชาวไทยออกเดินทางในประเทศจำนวน 117-135 ล้านคน-ครั้ง สร้างรายได้ราว 8.8 แสนล้านบาท

ด้านศูนย์วิจัย Krungthai COMPASS นายพชรพจน์ นันทรามาศ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย (KTB) คาดการณ์ว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในปี 2566-2567 จะฟื้นตัวต่อเนื่องจาก 11.2 ล้านคนในปี 2565 มาอยู่ที่ 27.1 ล้านคน และ 36.6 ล้านคน และจะกลับมาอยู่ในระดับใกล้เคียงกับช่วงยุคก่อนเกิดโควิด-19 ที่ 39.9 ล้านคนได้ในช่วงปี 2567

โดยนักท่องเที่ยว GIFT+ ซึ่งประกอบด้วย 1) ประเทศแถบตะวันออกกลาง (Gulf) ที่มีค่าใช้จ่ายต่อหัวสูงกว่านักท่องเที่ยวโดยรวมถึง 70-125% 2) อินเดีย (India) ที่จำนวนประชากรกำลังจะขึ้นเป็นเบอร์ 1 ของโลก และ 3) ประเทศแถบเอเชียตะวันออก (Far easT+) อย่างจีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน และรัสเซีย เป็นกลุ่มที่น่าจับตาเนื่องจากเป็นกลุ่มที่มีศักยภาพด้านการใช้จ่าย และบางส่วนยังเป็นตลาดใหม่ที่มีโอกาสเติบโตได้อีกมาก

“ภาคการท่องเที่ยวถือเป็นเครื่องยนต์สำคัญของเศรษฐกิจไทย โดยในช่วงยุคก่อนเกิดโควิด-19 (ปี 2562) ภาคการท่องเที่ยวสามารถสร้างรายได้ถึง 2.7 ล้านล้านบาท หรือราว 16% ของ GDP ทั้งนี้ แม้การระบาดของโควิด-19 จะทำให้ภาคการท่องเที่ยวของไทยซบเซาลง แต่ปัจจุบันเริ่มมีสัญญาณฟื้นตัวอย่างเห็นได้ชัดหลังการเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบในครึ่งหลังของปี 2565 ที่ผ่านมา”

เช่นเดียวกับศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีทีบี หรือ ttb analytics คาดว่ารายได้จากการท่องเที่ยวในปี 2566 จะเติบโตในอัตราเร่งอีก 1 ล้านล้านบาท พุ่งแตะ 2.25 ล้านล้านบาท จากอานิสงส์ที่จีนเปิดประเทศหนุนตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติพุ่งแตะ 28.9 ล้านคน ส่งผลทางอ้อมให้การท่องเที่ยวภูมิภาคไทยมีความคึกคักเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มจังหวัดเมืองหลักท่องเที่ยว

อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่เฉพาะแค่บ้านเราที่มีเทศกาลสงกรานต์ ประเทศในภูมิภาคอาเซียน เช่น ลาว กัมพูชา และเมียนมา ต่างมีการจัดงานเทศกาลสงกรานต์เช่นกัน แต่ละแห่งนำเสนอจุดเด่นด้านวัฒนธรรมและความสนุกสนานแตกต่างกันไปตามแต่ละพื้นที่ ซึ่งบางประเทศก็จัดในช่วงเวลาเดียวกับเทศกาลสงกรานต์ในประเทศไทยด้วย แน่นอนว่าไทยย่อมมีคู่แข่งที่จัดกิจกรรมดึงดูดนักท่องเที่ยวอีกหลายประเทศ คงต้องมาลุ้นกันอีกทีว่า “สงกรานต์” ตัวเอกของการท่องเที่ยวในปีนี้จะทำได้ดีอย่างที่หลายคนคาดหวังหรือไม่…

BTimes