ในเมื่อข้าวเป็นอาหารหลักของคนไทย แต่เหตุไฉนทำไมชาวนาถึงไม่รวย

897
0
Share:

ราคาข้าว ตกต่ำ ... ในเมื่อข้าวเป็นอาหารหลักของคนไทย แต่เหตุไฉนทำไมชาวนาถึงไม่รวย
น้ำมันก็ขึ้น ค่าครองชีพก็แสนแพง ผักก็ราคาแรง แต่เหตุใดราคาข้าวเปลือกถึงตกต่ำได้ขนาดนี้ เป็นที่น่าน้อยเนื้อต่ำใจแทนชาวนายิ่งนักที่ต้องอดทนสู้แดดสู้ฝนสู้น้ำท่วม เพื่อปลูกข้าวให้เรากิน แต่ค่าตอบแทนที่ได้รับนั้นแทบไม่พอกับค่าปุ๋ยค่าแรงที่ลงทุนไปด้วยซ้ำ

สถานการณ์ข้าวไทยในขณะนี้เรียกได้ว่าน่าเป็นห่วงเสียเหลือเกิน ทั้งในแง่ราคาและการส่งออกที่ตกต่ำที่สุด แต่ก็ยังไม่ถึงกับต่ำสุดในรอบ 10 ปี อ้างอิงจากข้อมูลของสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เปิดเผยว่า ปัจจุบันราคาข้าวขาว 5% ลดเหลือตันละ 404 เหรียญสหรัฐเท่านั้น ทำให้ราคาส่งออกข้าวไทยถูกกว่าเดิมถึงตันละ 15-16 เหรียญ และตั้งแต่ต้นปีที่ไทยประสบปัญหาค่าเงินบาทอ่อนค่าไป 2 บาท จาก 31 บาทเศษมาเป็น 33 บาทต่อเหรียญ จึงยิ่งทำให้ข้าวไทยถูกลงเกือบตันละ 30 เหรียญ ทั้งยังคาดว่าปีนี้ผลผลิตข้าวไทยจะมากกว่าปีก่อน โดยข้าวเปลือกนาปีน่าจะสูงถึง 26 ล้านตัน เพราะน้ำท่าอุดมสมบูรณ์ ซึ่งก็อาจทำให้ราคาลดลงได้ตามกลไกตลาด

นอกจากนี้ สาเหตุที่ทำให้ข้าวเปลือกมีราคาไม่ถึงกิโลกรัมละ 6 บาทนี้ ก็เป็นผลมาจากปริมาณความชื้นที่มีอยู่ในข้าวเปลือก ซึ่งมีผลต่อน้ำหนักและคุณภาพการสีข้าว และโดยทั่วไปความชื้นของข้าวเปลือกที่เหมาะสมจะมีค่าระหว่าง 13-14% แต่ถ้าความชื้นเกินมาตรฐานที่กำหนด หรือเกิน 15% ก็จะทำให้ถูกผู้ที่มาซื้อต่อตัดราคาไปโดยปริยาย

เนื่องด้วยภัยพิบัติน้ำท่วมหลายพื้นที่ทั่วประเทศ ส่งผลให้พื้นที่ทำการเกษตรส่วนใหญ่โดยเฉพาะทุ่งนามักจะโดนให้เป็นพื้นที่รับน้ำ ทำให้ชาวนาต้องเร่งเก็บเกี่ยวผลผลิตก่อนน้ำจะมา ซึ่งอาจสร้างความเสียหายทำให้ข้าวยืนต้นตาย และมีปริมาณความชื้นสูง อีกทั้งถ้าจะนำข้าวมาตากตามริมถนนเหมือนที่เคยทำได้ในอดีต ตอนนี้ก็ไม่สามารถกระทำได้แล้ว เนื่องจากผิดกฎหมาย ทำให้ชาวนาไม่มีทางเลือก และจำใจต้องขายข้าวเปลือกไปแม้ราคาจะต่ำเกินรับไหว เพราะถ้าจะเก็บไว้ก็ไม่มีพื้นที่ มิหนำซ้ำอาจต้องทิ้งทั้งหมด เนื่องจากเป็นเชื้อรา ขณะเดียวกันราคาขายข้าวสารก็ยังคงมีราคาไม่ต่างจากเดิม จนเกิดความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ และอยากถามผู้ที่เกี่ยวข้องกลับไปว่าที่มองไม่เห็นความทุกข์ชาวนา หรือเพราะมัวแต่พยุงราคาให้นายทุนโรงสี

หากจะบอกว่าประเทศไทยนั้นเป็นอู่ข้าวอู่น้ำของคนทั่วโลกก็ย่อมได้ เพราะข้าวหอมมะลิไทยได้รับการจัดอันดับจากสถาบันด้านการค้าข้าวที่มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่สหรัฐอเมริกาว่าเป็นข้าวหอมมะลิที่ดีอันดับ 1 ของโลกปี 2020 และได้อันดับ 1 ถึง 6 ครั้ง จากการประกาศรางวัลทั้งหมด 12 ครั้ง แต่ชาวนาที่ขึ้นชื่อได้ว่าเป็นกระดูกสันหลังของชาติ กลับต้องมาแบกรับภาระราคาข้าวแสนตกต่ำที่เมื่อเทียบกับบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปยังมีราคาแพงกว่า หรือหากเทียบกับน้ำมัน ยังต้องขายให้ได้ถึง 5 กิโลกรัมถึงจะได้น้ำมัน 1 ลิตร ช่างน่าสังเวชใจนัก เพราะแม้ราคาข้าวในอดีตกับปัจจุบันจะไม่ต่างกันมากนัก แต่ราคาน้ำมันในตอนนั้นก็ยังถึง 10 บาท ความทุกข์ใจนี้ส่งผลให้ชาวนาถึงกับโอดว่า ถ้ารัฐบาลยังไม่เร่งมือเข้ามาช่วยพยุงราคาข้าว ปีหน้าคงต้องตัดใจทิ้งอาชีพบรรพบุรุษนี้ เพื่อไปหาอาชีพที่มีค่าตอบแทนสูงกว่า

สุดท้ายหากวันใดที่ชาวนาหมดกำลัง แรงใจ และเงินทุนในการทำนา อนาคตคนไทยอาจต้องนำเข้าข้าวจากต่างประเทศก็เป็นได้ ซ้ำยังเป็นเรื่องที่ตลกร้าย เมื่อภูมิประเทศของไทยเหมาะกับการเพาะปลูก แถมข้าวไทยก็ยังมีรสชาติที่อร่อย หากต้องเป็นแบบนั้นก็คงรู้สึกเขินอายกันบ้างที่ประเทศที่มีความอุดมสมบูรณ์สามารถปลูกข้าวได้เอง กลับต้องซื้อข้าวคนอื่นกิน…

อย่างไรแล้วคงต้องตั้งความหวังกับรัฐบาลและกระทรวงพาณิชย์ว่าจะเข้ามาแก้วิกฤตปัญหาราคาข้าวตกต่ำในรอบนี้อย่างไร ขออย่าให้ปัญหานี้มาซ้ำเติมความทุกข์ของชาวนาอีกเลย

ทีมงาน BTimes ขอเป็นกำลังใจให้พี่น้องชาวนาไทยได้รับความเป็นธรรมและการช่วยเหลือโดยเร็วนะคะ

BTimes