กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนตัวมีผล 1 มิ.ย. พบขายข้อมูลติดคุก 1 ปี ปรับไม่เกินล้านบาท

305
0
Share:

นายเธียรชัย ณ นคร ประธานกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เปิดเผยว่า พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล 2562 หรือ PDPA ซึ่งมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 มิ.ย.2565 เรียบร้อยแล้วนั้น โดยหลักการสำคัญเป็นการสร้างความ เชื่อมั่นให้กับประชาชนว่า ข้อมูลส่วนบุคคลจะถูกนำไปใช้อย่างเป็นธรรม โปร่งใส และได้รับการดูแลไม่ให้นำไปใช้ในทางที่ผิด โดยการบังคับใช้กฎหมายจะเป็นแนวทางส่งเสริมให้ภาครัฐและภาคธุรกิจไทยมีมาตรฐานการใช้ข้อมูลที่เป็นที่ยอมรับในระดับสากล “ไม่อยากให้ประชาชนทั่วไปกังวลใจในเรื่องนี้มากนัก เพราะหลักๆ หน้าที่ตามกฎหมายตกเป็นของหน่วยงานที่เก็บหรือใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า ประชาชนทั่วไปแทบไม่ได้รับผลกระทบใดๆจากกฎหมายนี้ ยกเว้นการได้รับการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งได้แก่ ชื่อ ที่อยู่ หมายเลขบัตรประชาชน ที่มีมาตรฐานมากขึ้น”

นายเธียรชัยกล่าวว่า ตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย.2565 เป็นต้นไป หากพบกรณีหน่วยงานที่มีข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้านำข้อมูลไปขายเพื่อหาประโยชน์จะถือเป็นความผิดในทันที โดยไม่ต้องรอการออกกฎหมายลูกอีกกว่า 30 ฉบับ ซึ่งคาดว่าจะทยอยบังคับใช้ต่อไปภายในปีนี้ “จากนี้หากพบและพิสูจน์ได้ว่า ภาคธุรกิจนำข้อมูลลูกค้าไปขาย จะถือเป็นความผิดภายใต้กฎหมาย PDPA ทันที มีโทษจำคุกสูงสุดไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 1 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ”

นายเธียรชัยกล่าวถึงกรณีสังคมโซเชียลมีการแชร์ข้อมูลห้ามประชาชนถ่ายรูปติดคนอื่น หรือห้ามติดกล้องวงจรปิดที่อาจบันทึกภาพคนอื่น โดยไม่แจ้งว่า กฎหมาย PDPA ไม่ได้ครอบคลุมกรณีการนำข้อมูลไปใช้เป็นการส่วนตัวหรือเพื่อประโยชน์สาธารณะ สถานการณ์แบบนี้จึงไม่ถือว่าเป็นความผิด อย่างไรก็ตาม ต้องไม่ลืมว่าหากนำข้อมูลคนอื่นไปใช้แล้วก่อให้เกิดความเสียหาย เช่น กรณีหมิ่นประมาทถือเป็นความผิดตามกฎหมายอาญา หรือกรณีทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงเป็นความผิดภายใต้กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ซึ่งเป็นกฎหมายที่มีมานานแล้ว

ส่วนกรณีหน่วยงานทำข้อมูลลูกค้ารั่วไหล ไม่ว่าจากการประมาทเลินเล่อหรือถูกแฮ็ก เบื้องต้นสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลมีหน้าที่ตรวจสอบและหากพบมีการละเมิดกฎหมาย เช่น ไม่มีมาตรฐานในการใช้หรือเก็บข้อมูลที่ดีพอ สำนักงานสามารถใช้อำนาจปกครองสั่งปรับได้ แต่ในส่วนของประชาชนผู้เสียหายนั้น เบื้องต้นขอให้แจ้งมายังสำนักงานฯ เพื่อทำการตรวจสอบ จากนั้นสามารถฟ้องร้องต่อศาลเพื่อขอชดใช้ค่าเสียหายได้ โดยทางสำนักงานฯจะเป็นพยานให้