กบน.ยันแบกหนี้อุ้มราคาดีเซลต่อนานที่สุด จ่อชงรัฐบาลใหม่ต่อมาตรการลดภาษีสรรพสามิตดีเซล

273
0
Share:
กบน. ยันแบกหนี้อุ้มราคา ดีเซล ต่อนานที่สุด จ่อชงรัฐบาลใหม่ต่อมาตรการลดภาษีสรรพสามิตดีเซล

จากกรณีที่ประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) ได้มีมติเห็นชอบให้ใช้กลไกกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในการรักษาเสถียรภาพราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลให้อยู่ที่ 32 บาทต่อลิตร ภายหลังจากมาตรการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลลง 5 บาทต่อลิตรจะสิ้นสุดลงในวันที่ 20 ก.ค.2566 โดยให้เริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 21 ก.ค.2566 ต่อเนื่องไปอีกเป็นระยะเวลาหนึ่ง ตามสภาพคล่องของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงให้นานที่สุดเท่าที่จะดำเนินการได้ เพื่อไม่ให้กระทบต่อเศรษฐกิจ

นายวิศักดิ์ วัฒนศัพท์ ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เปิดเผยว่าปัจจุบันฐานะเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงจะยังคงติดลบ แต่สถานะของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงมีสภาพคล่องเพิ่มขึ้นหลังจากได้เงินกู้ยืมเข้ามาเติมในระบบ ตามกรอบวงเงิน 150,000 ล้านบาท ปัจจุบันบรรจุเป็นหนี้สาธารณะแล้ว 110,000 ล้านบาท โดยกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงชำระหนี้ให้ผู้ค้ามาตรา 7 ไปแล้ว 55,000 ล้านบาท คงเหลืออีก 55,000 ล้านบาท ที่สามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องกู้เงินเพิ่ม อีกทั้ง สามารถเรียกเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ได้เพิ่มขึ้นจากสถานการณ์ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในตลาดโลกที่ผ่อนคลายลง โดยเก็บเงินจากน้ำมันดีเซลได้เฉลี่ย 3-4 บาทต่อลิตร

อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงยังคงมีความผันผวนด้วยปัจจัยจากทั้งฝั่งดีมานต์และซัพพลาย อาทิ กำลังการผลิตของกลุ่มโอเปก ภาวะสงคราม และความกังวลในเศรษฐกิจที่ยังคงถดถอย รวมถึงเศรษฐกิจจีนที่ขยายตัวน้อยกว่าคาดเป็นตัวแปรสำคัญในฝั่งดีมานต์ โดยราคาเฉลี่ยน้ำมันดีเซลในตลาดโลกช่วง ม.ค.-มิ.ย.2566 อยู่ที่ 98.64 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ปรับตัวลดลง 29.38 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลจากช่วงสิ้นปี 2565

โดยหลังจากนี้เมื่อมีการตั้งรัฐบาลใหม่แล้วกองทุนจะเสนอไปยังกระทรวงการคลังให้คณะรัฐมนตรีต่อมาตรการลดภาษีสรรพสามิต เนื่องจากเข้าเงื่อนไขกองทุนน้ำมันที่อยู่ในสถานะติดลบและสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ยังอยู่ในวิกฤต

ด้านนายอิศเรศ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต รองประธาน ส.อ.ท.กล่าวว่า การตรึงราคาน้ำมันดีเซลไว้ที่ 32 บาทต่อลิตรจะช่วยให้บรรเทาผลกระทบต่อประชาชนและเศรษฐกิจในภาพรวม ประเมินว่าหากราคาน้ำมันโลกอยู่ในระดับที่คาดการณ์ไว้บวกกับแนวโน้วค่าเงินบาทแข็งตัวกองทุนน้ำมันน่าจะช่วยตรึงราคาไว้ได้ถึงสิ้นปี และคาดว่าสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกช่วงครึ่งหลังของปีนี้น่าจะอยู่ที่ไม่เกิน 80 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เนื่องจากดีมานต์น้ำมันดิบจากสหรัฐ ยุโรป รวมถึงจีนไม่สูงอย่างที่เคยคาดการณ์ไว้ ตามสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่ค่อนข้างซบเซา จึงคาดว่าราคาน้ำมันจะไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก อย่างไรก็ตามสถานการณ์ความขัดแย้งภูมิรัฐศาสตร์ยังต้องจับตาว่าจะเกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยยะหรือไม่