กรมการแพทย์เร่งหารือไฟเซอร์ เตรียมนำเข้ายาแพกซ์โลวิด เพื่อรักษาผู้ป่วยโควิด-19

นายแพทย์อรรถสิทธิ์ ศรีสุบัติ ที่ปรึกษากรมการแพทย์ ระบุว่า ความคืบหน้ายาโมนูลพิราเวียร์ และยาแพกซ์โลวิด ว่ายาทั้งสองตัวนี้เป็นยาช่วยต้านไวรัสโควิดไม่ให้ไวรัสเพิ่มในร่างกาย แต่มีการออกฤทธิ์ต่างกันคนละที่ ซึ่งยาโมนูลพิราเวียร์จากงานวิจัยพบว่าลดความเสี่ยงการในการเข้านอนโรงพยาบาลและเสียชีวิตร้อยละ 50 โดยพบว่า ไม่มีผู้เสียชีวิตในกลุ่มที่ได้ยาโมนูลพิราเวียร์ ส่วนคนที่ได้ยาหลอกเสียชีวิต 8 คน

ขณะที่ ยาแพกซ์โลวิด ต้องใช้ควบคู่กับ ยาริโทนาเวียร์ จากข้อมูลศึกษาวิจัยเบื้องต้น 774 คน พบว่าลดความเสี่ยงการเข้านอนโรงพยาบาลและเสียชีวิตได้ โดยมีการวัดอยู่ที่ 28 วัน กรณีให้ยาภายใน 3 วัน นับแต่เริ่มมีอาการ ยามีประสิทธิภาพ ร้อยละ 89 หากกรณีให้ยาภายใน 5 วันนับตั้งแต่มีอาการ ประสิทธิผลอยู่ที่ร้อยละ 85 ทั้งนี้ ไม่มีผู้เสียชีวิตในกลุ่มที่ได้ยาแพกซ์โลวิด ต้องใช้ควบคู่กับยาลิโทนาเวียร์

ซึ่งทางกรมการแพทย์ ได้หารือกับไฟเซอร์ในข้อมูลยาและการวิจัยต่างๆ และ ราคา อย่างไรก็ตามในวันศุกร์ที่ 12 พฤศจิกายน 64 จะมีการเจรจา เพื่อหารือถึงความเป็นไปได้ในการจัดหายามาใช้ เบื้องต้นทางไฟเซอร์กำลังอยู่ระหว่างการยื่นขึ้นทะเบียนกับทาง อย.สหรัฐฯ

ด้านนายแพทย์ อรรถสิทธิ์ ระบุว่าทางบริษัทไฟเซอร์ เผยว่า หากมีการนำยาออกมาจำหน่ายในท้องตลาดก็จะเป็นในรูปแบบคู่กัน ระหว่างยาแพกซ์โลวิดและยาริโทนาเวียร์ ส่วนสาเหตุที่ต้องให้กินยาริโทนาเวียร์ควบคู่ไปด้วย เนื่องจากจะมีประสิทธิภาพในการรักษาโควิดเพิ่มขึ้น ทั้งนี้สำหรับหลักเกณฑ์ในการจ่ายยาให้กับผู้ป่วยโควิด จะเป็นผู้ป่วยที่เริ่มมีอาการ และเป็นผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยง มีโรคประจำตัว