กลัวเงินเฟ้อ! ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดดิ่งกว่า 340 จุด

605
0
Share:

เมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2564 (ตามเวลาในสหรัฐ) ตลาดหุ้นนิวยอร์ก สหรัฐ ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ ปิดที่ระดับ 30,924 จุด -345 จุด หรือ -1.11% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับ 3,768 จุด -51 จุด หรือ -1.34% และดัชนีหุ้นนาสแดค ปิดที่ระดับ 12,723 จุด -274 จุด หรือ -2.11% ส่งผลให้ผลตอบแทนของดัชนีหุ้นนาสแดคกลายเป็นติดลบนับตั้งแต่ต้นปีนี้ โดยอยู่ที่ -1.3% และทำให้หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีเข้าสู่ภาวะปรับฐานทันที โดยมีราคาดิ่งลง -10% จากสถิติราคาสูงสุดในรอบ 52 สัปดาห์ติดต่อกัน ขณะที่ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ถูกถล่มเทขายหุ้นอย่างรุนแรงในระหว่างวัน ดิ่งเหวถึง -700 จุด

สาเหตุจากนักลงทุนผิดหวัง และเกิดความกังวลมากขึ้นหลังจากการแถลงของประธานธนาคารกลางสหรัฐ ที่ไม่ได้สร้างความมั่นใจในการตรึงดอกเบี้ยระยะสั้นให้ยาวนาน โดยเฉพาะแนวโน้มเงินเฟ้อในสหรัฐที่อาจมีการเร่งตัวขึ้น รวมถึงผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐระยะสั้นอายุ 10 ปี ในคืนที่ผ่านมา กลับมาเพิ่มขึ้นถึงระดับ 1.54% ซึ่งใกล้เคียงกับสถิติสูงสุดที่ 1.6% ที่สูงสุดในรอบหลายปี เป็นการสะท้อนแนวโน้มเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว กดดันต่อแนวโน้มการปรับขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้นของธนาคารกลางสหรัฐ นักลงทุนในสหรัฐอเมริกา จึงถล่มเทขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี และกลุ่มบลูชิปต่อเนื่องทั้งคืนที่ผ่านมา

ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 63.78 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล +2.49 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +4% ราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ปิดที่ 66.73 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล +2.68 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +4.15% สาเหตุจากผลการประชุมของกลุ่มโอเปกพลัสมีมติไม่เปลี่ยนแปลงกำลังการผลิตน้ำมันดิบในปัจจุบันไปถึงเดือนเมษายนนี้ เพื่อรักษาเสถียรภาพของราคาน้ำมันดิบ นอกจากนี้ ซาอุดีอาระเบียซึ่งเป็นประเทศที่ผลิตน้ำมันดิบใหญ่ที่สุดในโลก ประกาศอาจต่ออายุการลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบโดยสมัครใจวันละ 1 ล้านบาร์เรลออกไปอีก

ราคาทองคำล่วงหน้านิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 1,700.70 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ -15.10 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ -0.9% สาเหตุจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพลิกกลับแข็งค่าต่อเนื่อง และผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐระยะสั้นกลับพุ่งสูงขึ้นมาแตะที่ระดับ 1.54% หลังสิ้นสุดการแถลงของประธานธนาคารกลางสหรัฐมนคืนที่ผ่านมา ส่งผลนักลงทุนโยกการลงทุนเทขายทองคำต่อเนื่องทั้งคืนที่ผ่านมาด้วย