กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงยังอ่วม ติดลบกว่า 1.2 แสนล้าน จ่อขอขยายวงเงินกู้

288
0
Share:
กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ยังอ่วม ติดลบกว่า 1.2 แสนล้าน จ่อขอขยายวงเงินกู้

นายวิศักดิ์ วัฒนศัพท์ ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) เปิดเผยว่า ในรอบปี 2565 ที่ผ่านมา กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงได้ดำเนินการให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2562 โดยดูแลเสถียรภาพระดับราคาน้ำมันเชื้อเพลิงให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมในช่วงเกิดวิกฤติด้านพลังงาน นับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2564 จากราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในช่วงฤดูหนาว จากนั้นในเดือนกุมภาพันธ์ 2565 เกิดสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน ซึ่งส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง ทำให้ต้องใช้กลไกจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในการอุดหนุนราคา โดยเฉพาะน้ำมันดีเซลที่เป็นเชื้อเพลิงสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจ

ผลกระทบจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน ทำให้ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้นในปีนี้ ราคาอยู่ระดับเกินกว่า 100 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2565 เป็นต้นมา โดยราคาดีเซล (Gas Oil) ตลาดโลก ปัจจุบันเดือนกันยายน 2565 เฉลี่ยอยู่ที่ 131.05 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนกันยายนปีที่แล้วถึง 58% ซึ่งเฉลี่ยอยู่ที่ 82.92 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ส่งผลให้ฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในส่วนของบัญชีน้ำมัน เริ่มติดลบตั้งแต่เดือนมีนาคม 2565 โดยติดลบ 82,674 ล้านบาท จากก่อนหน้าที่เป็นบวกมาตลอด ขณะที่บัญชีก๊าซหุงต้ม (LPG) มีฐานะติดลบมาต่อเนื่องอยู่ก่อนแล้ว ซึ่งเป็นผลมาจากการตรึงราคาก๊าซหุงต้มไว้ที่ 318 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัม มาต่อเนื่องยาวนาน ขณะที่ราคาก๊าซ LPG ตลาดโลกสูงกว่ามาก

ด้านประมาณการฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงปัจจุบัน วันที่ 25 กันยายน 2565 ติดลบ 124,216 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นบัญชีน้ำมันติดลบ 82,674 ล้านบาท และบัญชีก๊าซ LPG ติดลบ 42,542 ล้านบาท โดยที่มีเงินช่วยเหลือด้านราคาก๊าซจากกลุ่ม ปตท.เข้ามาเติม 1,000 ล้านบาท และจะช่วยเหลืออีกเดือนละ 1,000 ล้านบาท อีก 2 ครั้ง

ทั้งนี้ จากการบริหารจัดการของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในด้านราคาพลังงานจะเห็นได้ว่า ปีนี้มีการปรับราคาน้ำมันดีเซลที่ราคาลิตรละ 30 บาท เพื่อให้ราคาสะท้อนต้นทุนที่แท้จริง โดยเริ่มทยอยปรับขึ้นครั้งแรก 1 พฤษภาคม 2565 ราคาลิตรละ 32 บาท และปัจจุบันอยู่ที่ลิตรละ 35 บาท ส่วนราคา LPG ก็เช่นกัน หลังจากตรึงไว้ที่ 318 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัม มาต่อเนื่องยาวนาน ก็ได้ทยอยปรับขึ้นแบบขั้นบันได ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2565 ปรับขึ้นครั้งแรกเป็น 333 บาท และปัจจุบันอยู่ที่ 408 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัม

นอกจากนี้ สกนช.ได้ปรับแผนวิกฤติด้านน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อให้สอดคล้องกับสภาวะปัจจุบัน โดยปรับครั้งที่ 1 การบริหารจัดการกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ต้องมีจำนวนเงินเพียงพอเพื่อใช้ในการบริหารจัดการกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเมื่อรวมกับเงินกู้ (จำนวนเงินไม่เกิน 20,000 ล้านบาท) แล้วต้องไม่เกินจำนวน 40,000 ล้านบาท ตามมาตรา 26 แห่ง พ.ร.บ.กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2562

การปรับครั้งที่ 2 กรณีฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงใกล้ติดลบ หากระดับราคายังอยู่ในระดับวิกฤติ จนส่งผลให้ฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงติดลบ ตามมาตรา 26 วรรคสอง หรือวรรคสาม แห่ง พ.ร.บ.กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2562 โดยเฉพาะเมื่อใกล้วงเงินกู้ยืมเงินที่ได้รับตามพระราชกฤษฎีกาที่ออกตามกฎหมายดังกล่าว ให้เริ่มดำเนินการพิจารณากลยุทธ์การถอนกองทุนน้ำมันฯ (Exit Strategy) โดยปรับสัดส่วนการช่วยเหลือลงครึ่งหนึ่ง และยังคงดำเนินการหารือเรื่องการปรับลดภาษีสรรพสามิต เพื่อให้ระดับราคาไม่ปรับตัวสูงขึ้นมากนัก และเริ่มดำเนินการกู้เงินเพื่อให้กองทุนฯ ไม่ขาดสภาพคล่อง รวมทั้งยังมีการขยายกรอบวงเงินกู้จาก 20,000 ล้านบาท เป็น 30,000 ล้านบาท และอยู่ระหว่างการขอขยายกรอบวงเงินกู้เป็น 150,000 ล้านบาท