ขึ้นอีกแล้ว! แมคโดนัลด์ไม่ไหวจะทน สั่งขึ้นราคารอบที่ 3 ใน 10 เดือน

แมคโดนัลด์ โฮลดิ้งส์ คอมปานี ญี่ปุ่น เปิดเผยว่า จะปรับขึ้นราคาขายกับ 80% ของเมนูทั้งหมด โดยมีผลวันที่ 16 มกราคมนี้เป็นต้นไป ส่งผลให้กลายเป็นการปรับขึ้นราคาขายครั้งที่ 3 ภายใน 10 เดือนผ่านมา สาเหตุในการปรับขึ้นราคาในรอบนี้ เป็นผลจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินเยนมีความผันผวนอย่างมาก รวมถึงต้นทุนวัตถุดิบในการผลิตอาหารแต่ละเมนูมีราคาสูงขึ้นต่อเนื่อง นอกจากนี้ ค่าใช้จ่ายด้านค่าจ้างแรงงาน ค่าขนส่ง และค่าพลังงานเชื้อเพลิง ล้วนปรับสูงขึ้นทั้งสิ้น

ราคาเมนูแฮมเบอร์เกอร์แบบชีสเบอร์เกอร์จะมีราคาเพิ่มขึ้นเป็น 200 เยน หรือ 1.49 ดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 50.66 บาท หรือเพิ่มขึ้น 43% จากราคาในปัจจุบันที่ชิ้นละ 140 เยน หรือ 36.40 บาท ส่วนเมนูบิ๊กแม็คจะปรับราคาจากเมนูละ 410 เยน หรือ 106.60 บาท เป็น 450 เยน หรือ 117 บาท หรือเพิ่มขึ้น 9.7%

การปรับขึ้นราคาขายของแมคโดนัลด์เกิดขึ้นมาทั้งหมด 3 ครั้ง ครั้งแรกปรับขึ้นในเดือนมีนาคม ครั้งที่ 2 ปรับขึ้นในเดือนกันยายนของปีที่ผ่านไป ส่วนครั้งที่ 3 คือการปรับขึ้นมีผล 16 มกราคมนี้ ค่าเงินเยนร่วงลงอย่างรุนแรงในรอบกว่า 20 ปีเทียบเงินดอลลาร์สหรัฐในตลอดปี 2022 กลายเป็นต้นทุนสำคัญและมีผลกระทบสูงมากต่อการดำเนินธุรกิจ เนื่องจากวัตถุดิบหลายอย่างต้องนำเข้าจากต่างประเทศ

ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 26 กันยายน 2565 ที่ผ่านไป แม็คโดนัลด์ เครือข่ายร้านอาหารฟาสฟู้ดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ประกาศปรับขึ้นราคาขายสูงถึง 60% โดยมีผลตั้งแต่วันศุกร์ที่ 30 กันยายนนี้เป็นต้นไป ส่งผลให้ราคาขายบิ๊กแม็คจะเพิ่มขึ้นเป็นชิ้นละ 410 เยน หรือ 2.85 ดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 107 บาท จากเดิมที่ขายในราคา 390 เยน หรือ 101 บาท นอกจากนี้ ราคาขายปลีกที่ปรับขึ้นจะมีเฉลี่ยระหว่าง 10-30 เยนในแต่ละประเภทเมนู

สาเหตุจากต้นทุนวัตถุดิบในการผลิตทุกเมนูของแม็คโดนัลด์พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และค่าเงินเยนญี่ปุ่นเทียบเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงอย่างมากในรอบกว่า 24 ปีอย่างต่อเนื่อง ทำให้ต้นทุนพุ่งสูงถึงกว่า 60%