คนไทย 85% จ่อเที่ยวในไทยอย่างน้อย 1 ครั้ง มี 25% มีเงินไม่พอไปเที่ยวจากสารพัดปัจจัยลบ

314
0
Share:
คนไทย 85% จ่อ เที่ยว ในไทยอย่างน้อย 1 ครั้ง มี 25% มีเงินไม่พอไปเที่ยวจากสารพัดปัจจัยลบ

ผลสำรวจผู้บริโภคในด้านการท่องเที่ยวของ EIC พบว่า โดยภาพรวมคนไทยมีแนวโน้มท่องเที่ยวในประเทศและต่างประเทศเพิ่มสูงขึ้นในระยะข้างหน้า อีกทั้ง คนไทยที่มีแนวโน้มเที่ยวต่างประเทศมากขึ้นจากการผ่อนคลายมาตรการเดินทางระหว่างประเทศทั่วโลกยังคงเที่ยวในประเทศเพิ่มขึ้นเช่นกัน นอกจากนี้ พฤติกรรมการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวไทยมีความหลากหลายมากขึ้น และในแต่ละกลุ่มยังมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจนทั้งกลุ่ม Generations และกลุ่มที่เดินทาง เช่น กลุ่มครอบครัว กลุ่มเพื่อน เป็นต้น อย่างไรก็ดี ภาวะเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูงจะส่งผลให้ผู้ที่ได้รับผลกระทบมีแนวโน้มรัดเข็มขัดลดค่าใช้จ่ายในการท่องเที่ยวลง

คนไทยมีแนวโน้มเดินทางท่องเที่ยวในประเทศเพิ่มขึ้นในระยะข้างหน้า โดยในช่วงก่อนเกิดโควิด คนไทยกว่า 88% เดินทางท่องเที่ยวในประเทศอย่างน้อย 1 ครั้งต่อปีและราว 20% เดินทางท่องเที่ยวในประเทศมากกว่า 5 ครั้งต่อปี ซึ่งวิกฤตโควิดที่ผ่านมาด้วยความกังวลด้านสุขอนามัยและมาตรการจำกัดการเดินทางส่งผลให้คนไทยส่วนใหญ่หลีกเลี่ยงการเดินทางท่องเที่ยว โดยหลังจากที่สถานการณ์โควิดในประเทศดีขึ้นเป็นลำดับ ประกอบกับภาครัฐออกมาตรการกระตุ้นภาคการท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง จึงส่งผลให้ในช่วงต้นปี 2022 คนไทยเริ่มทยอยออกเดินทางท่องเที่ยวในประเทศมากขึ้นและมีแนวโน้มเดินทางท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอีกในระยะข้างหน้า โดยคนไทยราว 85% วางแผนเดินทางท่องเที่ยวในประเทศอย่างน้อย 1 ครั้ง ซึ่งถือเป็นสัญญาณบวกที่คนไทยกลับมาใช้ชีวิตตามปกติมากขึ้น อย่างไรก็ดี ด้วยผลกระทบจากภาวะเงินเฟ้อและคนไทยส่วนใหญ่ยังมีความกังวลด้านสุขอนามัยอาจส่งผลให้ความถี่ในการท่องเที่ยวลดลงท่ามกลางภาวะเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูง ผู้ประสบปัญหาด้านรายได้มีแนวโน้มเดินทางท่องเที่ยวน้อยลง โดยราว 1 ใน 4 ของผู้ประสบปัญหารายได้ลดลง และผู้มีปัญหารายได้ไม่พอรายจ่ายบ่อยครั้ง ไม่มีแผนเดินทางท่องเที่ยวในระยะข้างหน้า อย่างไรก็ดี ผู้ประสบปัญหาดังกล่าวส่วนใหญ่ยังเลือกเดินทางท่องเที่ยวในประเทศอย่างน้อย 1 ครั้ง สะท้อนให้เห็นว่า แม้ภาวะเงินเฟ้อจะส่งผลกระทบต่อรายได้และรายจ่าย แต่คนไทยยังมี Pent-up demand ของการท่องเที่ยวอยู่ค่อนข้างสูง สำหรับพฤติกรรมนักท่องเที่ยวไทยส่วนใหญ่มักจะเดินทางท่องเที่ยวในประเทศเพื่อการพักผ่อนกับครอบครัว และเลือกแหล่งท่องเที่ยวจากความสะดวกในการเดินทางเป็นหลัก ได้แก่

คนไทยส่วนใหญ่เดินทางท่องเที่ยวเพื่อการพักผ่อนกับครอบครัว และ 2 ปัจจัยสำคัญ ที่ส่งผลต่อการเลือกแหล่งท่องเที่ยว ได้แก่ ความสะดวกในการเดินทาง และค่าใช้จ่ายที่เหมาะสม อย่างไรก็ตาม ความปลอดภัยด้านสุขอนามัยยังเป็นปัจจัยที่คนไทยคำนึงค่อนข้างสูงโดยเฉพาะนักท่องเที่ยวกลุ่ม Baby boomer ขณะที่ปัจจัยทางด้านราคาทั้งค่าใช้จ่ายและส่วนลดโปรโมชันเป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อนักท่องเที่ยวกลุ่ม Gen Y อีกทั้ง นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ยังนิยมเลือกแหล่งท่องเที่ยวจากร้านอาหารอร่อย ร้านคาเฟ่ และจากสื่อ Social media ค่อนข้างสูงโรงแรม 4-5 ดาวยังเป็นรูปแบบที่พัก ที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เลือกใช้บริการ โดยที่พักที่ใกล้ชิดธรรมชาติจะได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวมากที่สุด โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวกลุ่มธุรกิจและกลุ่ม Baby boomer ตามด้วยโรงแรม 2-3 ดาว ซึ่งเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวกลุ่มคนโสดและกลุ่มเข้าพักเป็นคู่/คู่รัก ขณะที่ ที่พักที่มีลักษณะเฉพาะตัวอย่างเช่น ลานกางเต็นท์/รถบ้าน และที่พักตากอากาศ/คอนโดให้เช่าจะได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวเฉพาะกลุ่ม นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวราว 1 ใน 3 ยังมองหาที่พักที่ให้ความใส่ใจด้านสิ่งแวดล้อมและที่พักที่มีอุปกรณ์ทันสมัยอีกด้วย

แพลตฟอร์มผู้ให้บริการจองที่พักออนไลน์เข้ามามีบทบาทมากขึ้นในภาคการท่องเที่ยว แต่ช่องทางการติดต่อกับผู้ให้บริการที่พักโดยตรงยังเป็นช่องทางสำคัญที่นักท่องเที่ยวเลือกใช้ ไม่ว่าจะเป็นการติดต่อกับผู้ให้บริการที่พักผ่านทาง Social media โทรศัพท์ หรือทางเว็บไซต์ โดยนักท่องเที่ยวชาวไทยส่วนใหญ่จะจองที่พักผ่านทางแพลตฟอร์มผู้ให้บริการออนไลน์เป็นหลักในกลุ่มที่พักโรงแรมระดับ 2 ดาวขึ้นไปและเซอร์วิสอะพาร์ตเมนต์ ขณะที่โรงแรมต่ำกว่า 2 ดาว โฮสเทล และที่พักที่มีลักษณะเฉพาะนักท่องเที่ยวมักเข้าพักโดยไม่ได้จองล่วงหน้า (Walk-in)