คลังเล็งชง ครม.ของบกลางเพิ่มพันล้าน อุดหนุนราคารถอีวีต่อ 3 เดือน เสนอ กกต.เคาะ

193
0
Share:
คลัง เล็งชง ครม.ขอ งบกลาง เพิ่มพันล้าน อุดหนุนราคา รถอีวี ต่อ 3 เดือน เสนอ กกต.เคาะ

กระทรวงการคลังเตรียมที่จะเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อขออนุมัติงบกลางรายการสำรองจ่ายกรณีฉุกเฉินและจำเป็นเร่งด่วน พ.ศ.2566 เพื่อเป็นวงเงินเพิ่มเติมในการส่งเสริมมาตรการรถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) ตาม “มาตรการ อีวี 3.0” ที่อุดหนุนส่วนลดในการซื้อรถอีวี ไม่เกินคันละ 150,000 บาทหลังจากวงเงินที่ ครม.ได้อนุมัติไปก่อนหน้านี้ประมาณ 3,000 ล้านบาทเพื่อใช้อุดหนุนราคาจำหน่ายรถอีวีในประเทศให้ถูกลง กำลังจะหมดลงในภายในเดือน ก.ย.นี้

โดยเบื้องต้นวงเงินที่กระทรวงการคลังจะเสนอของบกลางฯจาก ครม.จะอยู่ที่ประมาณ 1 พันล้านบาท สำหรับการใช้อุดหนุนรถอีวีไปอีก 3 เดือน ตั้งแต่ 1 ต.ค. – 31 ธ.ค.2566 หลังจากวงเงินเดิมจะหมดลงในเดือน ก.ย.นี้ อย่างไรก็ตามเมื่อเข้าสู่การพิจารณาของ ครม.แล้วหาก ครม.ให้ความเห็นชอบก็ต้องส่งเรื่องต่อไปยังคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อขออนุมัติ ซึ่งแนวโน้มที่ กกต.จะอนุมัติก็มีความเป็นไปได้เนื่องจากมาตรการนี้เป็นมาตรการที่มีความต่อเนื่องไม่ใช่มาตรการหรือโครงการใหม่ที่จะกระทบการบริหารงานของรัฐบาลหน้า

สำหรับมาตรการสนับสนุนการใช้ และผลิตรถอีวีที่เป็นชุดมาตรการต่อเนื่องจากมาตรการเดิมในชุด “มาตรการ EV3.5” ที่มีทั้งการอุดหนุนส่วนลดให้กับผู้ซื้อรถอีวีคันละไม่เกิน 100,000 บาท รวมทั้งมาตรการสนับสนุนทางการเงินให้แก่บริษัทที่จะลงทุนในโรงงานผลิตแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์อีวีในประเทศไทย ซึ่งจะต้องรอให้รัฐบาลใหม่เข้ามาพิจารณา

ด้านนางณัฐฏ์จารี อนันตศิลป์ เลขาธิการ ครม.กล่าวว่าการเสนอเรื่องขอเงินสนับสนุนรถอีวีเพิ่มเติมโดยขอจากงบกลางฯหากเข้ามาสู่การประชุมของ ครม. แล้วผ่านความเห็นชอบ ต้องเสนอไปยัง กกต.เพื่อพิจารณาด้วยเช่นกัน โดยสิ่งที่ กกต.จะพิจารณาก็คือเรื่องที่เสนอไปเป็นเรื่องที่ ครม.รักษาการสามารถทำได้หรือไม่ โดยหากขัดกับกฎหมายรัฐธรรมนูญมาตรา 169 (1) ส่วนใหญ่ กกต.จะไม่อนุมัติเนื่องจากผูกพันไปถึงรัฐบาลหน้า ซึ่งกฎหมายกำหนดไม่ให้รัฐบาลรักษาการกระทำการอันมีผลเป็นการอนุมัติงานหรือโครงการ หรือมีผลเป็นการสร้างความผูกพันต่อครม.ชุดต่อไป เว้นแต่ที่กำหนดไว้แล้วในงบประมาณรายจ่ายประจำปี ไม่กระทำการอันมีผลเป็นการอนุมัติให้ใช้จ่ายงบประมาณสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เว้นแต่จะได้รับความเห็นชอบจาก กกต.ก่อน

ส่วนมาตรการส่งเสริมดีมานต์รถอีวีในประเทศนั้นมีข้อเสนอต่อเนื่อก่อนหน้านี้ คณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ เมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2566 โดยงบประมาณจำนวน 3,0000 ล้านบาท จากปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ดังกล่าว สามารถรองรับการดำเนินมาตรการ EV 3 ได้ภายในปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 หรือถึงเดือนกันยายน ปี 2566 เท่านั้น

สำหรับแหล่งงบประมาณที่ใช้ในการสนับสนุนมาตรการ EV3 ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2567-2568 นั้น คณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ เห็นว่า ยังไม่สามารถนำเงินจากกองทุนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศสำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย และกองทุน เพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน มาใช้ดำเนินมาตรการได้ เนื่องจากข้อจำกัดในเรื่องขอบเขตและวัตถุประสงค์ ของการใช้เงินกองทุน ดังนั้น จึงขอให้กระทรวงการคลัง โดยกรมสรรพสามิต พิจารณาเสนอขอรับการจัดสรร งบประมาณประจำปี พ.ศ. 2567 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ไปพลางก่อน