โตดีขึ้น! คลังโวเศรษฐกิจไทย ส.ค. ดีต่อเนื่อง ท่องเที่ยว-ส่งออกพลิกบวกหนุน เงินเฟ้อลด

160
0
Share:
โตดีขึ้น! คลังโว เศรษฐกิจ ไทย ส.ค. ดีต่อเนื่อง ท่องเที่ยว-ส่งออกพลิกบวกหนุน เงินเฟ้อลด

นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า ภาวะเศรษฐกิจการคลังเดือน ส.ค.66 ได้รับปัจจัยสนับสนุนจากภาคการท่องเที่ยวที่ขยายตัวต่อเนื่องทั้งจากนักท่องเที่ยวต่างประเทศและผู้เยี่ยมเยือนชาวไทย การส่งออกสินค้าที่กลับมาขยายตัวเป็นบวก และอัตราเงินเฟ้อที่ปรับตัวลดลงต่อเนื่อง

อย่างไรก็ดี ยังคงต้องติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจโลกและผลกระทบต่อภาคการส่งออกสินค้าของไทยในช่วงที่เหลือของปี 2566 ต่อไป เครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการบริโภคภาคเอกชน มีสัญญาณทรงตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อน

โดยการบริโภคในหมวดสินค้าคงทน สะท้อนจากปริมาณการจำหน่ายรถยนต์นั่ง ในเดือน ส.ค.66 เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 4.9% แต่ลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลที่ -8.3%

ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ในเดือนส.ค. 66 ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 56.9 จากระดับ 55.9 ในเดือนก่อน เนื่องจากผู้บริโภคมีความเชื่อมั่นว่าการจัดตั้งของรัฐบาลใหม่จะเป็นปัจจัยสนับสนุนต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวต่อเนื่อง ขณะที่ภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ระดับราคาคงที่ และปริมาณรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ ในเดือนส.ค. 66 ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อน -15.1% และ -5.5% ตามลำดับ รายได้เกษตรกรที่แท้จริง ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ -1.7%

ด้านการลงทุนภาคเอกชน การส่งออกสินค้ารวม ปรับตัวดีขึ้นในทิศทางเดียวกัน ขณะเดียวกันเครื่องชี้เศรษฐกิจไทยด้านอุปทาน มีสัญญาณปรับตัวดีขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนจากภาคเกษตร และภาคบริการ

ส่วนภาคบริการด้านการท่องเที่ยว ในเดือนส.ค. 66 มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยรวม จำนวน 2.47 ล้านคน คิดเป็นอัตราการขยายตัวต่อเนื่องจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 107.7% แต่ลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลที่ -8.2% โดยส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวจากมาเลเซีย จีน เกาหลีใต้ อินเดีย และเวียดนามเช่นเดียวกับการท่องเที่ยวภายในประเทศมีจำนวน 20.1 ล้านคน ขยายตัว 20.5% แต่ลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลที่ -6.2%

ด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจยังอยู่ในเกณฑ์ดีซึ่งสะท้อนจากอัตราเงินเฟ้อทั่วไป อยู่ที่ 0.88% ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ 0.79% ส่วนสัดส่วนหนี้สาธารณะ ณ สิ้นเดือนกรกฎาคม 2566 อยู่ที่ 61.7% ต่อ GDP ซึ่งยังอยู่ภายใต้กรอบวินัยการเงินการคลังที่ตั้งไว้ตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 อัตราการว่างงาน ในเดือนสิงหาคม 2566 อยู่ที่ร้อยละ 1.0 ของกำลังแรงงานรวม และผู้ขอรับประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงานรายใหม่ ในเดือนส.ค. 66 อยู่ที่ 0.63% ของผู้ประกันตนตามมาตรา 33 ทั้งหมด รวมไปถึงเสถียรภาพภายนอกยังอยู่ในระดับที่มั่นคง และสามารถรองรับความเสี่ยงจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลกได้ สะท้อนจากทุนสำรองระหว่างประเทศ ณ สิ้นเดือนส.ค. 66 อยู่ในระดับสูงที่ 216.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ