ค่าบาทปีหน้ายังผันผวน

643
0
Share:

ตลาดอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินในเอเชีย เปิดเผยว่า ในเดือนธันวาคมนี้ซึ่งเหลือวันทำการของตลาดอัตราแลกเปลี่ยนเพียง 5 วันทำการสุดท้าย พบว่า ค่าเงินบาทเทียบดอลลาร์สหรัฐปรับแข็งค่าไม่มากเพียง 0.1% โดยเคลื่อนไหวเฉลี่ย 30.20 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้ค่าเงินบาทเฉลี่ยทั้งเดือนธันวาคม 2562 นี้ กลายเป็นสกุลเงินที่ให้ผลตอบแทนแย่ หรือท้ายสุดในทวีปเอเชีย สาเหตุมาจากภาวะเศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 3 ทรุดต่ำหนักรอบ 5 ปี ขยายตัวตกต่ำเหลือเพียง 2.5% ทำสถิติต่ำสุดตั้งแต่ปี 2014 เป็นต้นมา ด้านธนาคารแห่งประเทศไทยแถลงยอมรับปรับลดเป้าจีดีพีไทยปีนี้เหลือ 2.5%
.
นอกจากนี้ ปัจจัยสงครามการค้าสหรัฐ-จีนเริ่มผ่อนคลายขึ้นเรื่อยๆ ทำให้นักค้าเงินประเมินว่า การลงทุนในเงินบาทไทยที่เคยมองว่าเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัยมากที่สุดกับสถานการณ์การค้าโลกที่ตกต่ำหนักในรอบ 10 ปี อาจไม่ให้ผลตอบแทนที่น่าสนใจอีกต่อไป ถัดมาจะพบว่า อัตราผลตอบแทนจากการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล และหุ้นกู้ของเอกชนไทย มีอัตราลดต่ำลงเรื่อยๆ ซึ่งเป็นกระทบจากผลประกอบการของธุรกิจในตลาดหลักทรัพย์ไทยที่ย่ำแย่จากภาวะเศรษฐกิจการค้าที่ตกต่ำหนัก ส่วนนักลงทุนในตลาดหุ้นไทยโดยเฉพาะนักลงทุนต่างประเทศเริ่มลดน้ำหนักการลงทุน และเทขายหุ้นจำนวนมาก เพื่อปิดบัญชีผลตอบแทนจากการลงทุนก่อนถึงสิ้นปีนี้ อย่างไรก็ตาม เงินบาทที่แข็งค่าลดลงในเดือนธันวาคม อาจเป็นเพียงแค่สถานการณ์ชั่วคราวเท่านั้น สำนักเศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศยังคงมองว่า สถานการณ์เศรษฐกิจโลกในปี 2563 ที่ยังเต็มไปด้วยความไม่แน่นอนสูง ความเสี่ยงมีสูง โดยเฉพาะปัจจัยการเมืองสหรัฐ การค้าระหว่างประเทศ
.
โดยค่าเงินบาทไทยทะยานแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ในปี 2561 เงินบาททำสถิติทะยานกว่า 8% กลายเป็นสกุลเงินที่แข็งค่ามากที่สุดในโลก ต่อมาในปี 2562 นี้ เงินบาทยังคงแข็งค่าต่อเนื่องอีกกว่า 7% โดยเฉพาะในเดือนตุลาคมที่ผ่านไป เงินบาทแข็งค่ามากที่สุดรอบ 6 ปี ที่ระดับ 30.15 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ทำสถิติแข็งค่าอันดับที่ 1 ในเอเชียและอาเซียน และแข็งค่าอันดับที่ 4 ของโลก เป็นผลจากทุนสำรองระหว่างประเทศของไทยมีเป็นมูลค่ามากในอันดับต้นๆของโลก และเงินบาทถูกมองว่าเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัยกับปัจจัยลบสงครามการค้าโลกระหว่างสหรัฐกับจีน