“ชวน หลีกภัย” เตือนเพื่อไทย-ก้าวไกล ถ้าเอาแต่ใจปัญหาไม่จบ ชวดประธานสภาฯ

297
0
Share:
ชวน หลีกภัย เตือนเพื่อไทย- ก้าวไกล ถ้าเอาแต่ใจปัญหาไม่จบ ชวด ประธานสภา

นายชวน หลีกภัย อดีตประธานรัฐสภา กล่าวว่า ปัญหาของพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทย ตนมองว่าหากเข้าใจบทบาทสภาฯ จะทำให้มีข้อยุติง่าย แต่หากไม่เข้าใจและมองว่าประธานสภาฯ บันดาลให้ใครเป็นนายกฯ ก็ได้ แบบนี้หารือกันยาก หากไม่แน่ใจว่าการตั้งนายกฯ จะผ่านหรือไม่ หากไม่ผ่านเขาไม่ได้ทั้งนายกฯ และประธานสภาฯ จนกลายเป็นความวิตก ตนมองว่าหาก 2 ฝ่ายหารือกันอย่างใกล้ชิด จะทำให้คุยกันได้ง่าย ดังนั้น ปัญหาของประธานสภาฯ ควรยุติด้วยการศึกษา เข้าใจในบทบาท อำนาจ หน้าที่ ทุกฝ่ายไม่สามารถเอาอะไรได้ตามมอำเภอใจทุกอย่าง ซึ่งที่ผ่านมาการตั้งประธานสภาฯ ไม่มีปัญหา แต่สมัยนี้มีปัญหา

ตำแหน่งประมุขของสภานิติบัญญัติมีความสำคัญ เพราะเป็น 1 ใน 3 ของอำนาจอธิปไตย ซึ่งตำแหน่งประธานสภาฯ ส.ส. จะใช้ดุลยพินิจพิจารณา ที่ผ่านมาเคยมีกรณีที่ประธานสภาฯ ไม่ได้มาจากพรรคอันดับหนึ่ง เพราะเป็นข้อตกลงของพรรคร่วม บางครั้งผลเลือกตั้งออกมาพบว่าพรรคการเมืองมีคะแนนเสียงใกล้เคียงกัน สามารถตกลงกันได้ว่าใครจะเป็นนายกฯ หรือประธานสภาฯ แต่ที่ผ่านมาพบว่าพรรคการเมืองที่ได้เสียงใกล้เคียงกัน จะไม่ร่วมเป็นรัฐบาล เพราะจะทะเลาะกันเหมือนปัจจุบัน แต่ถ้าใครได้เสียงข้างมากชัดเจน สามารถตกลงได้ว่าใครเป็นนายกฯ และประธานสภาฯ

กรณีเสียงของพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยใกล้เคียงกันเป็นเหตุให้ไม่ชัดเจนหรือไม่ นายชวน ตอบว่าถือเป็นประสบการณ์ตั้งรัฐบาล ในฐานะที่ตนเคยเป็นทั้งรัฐบาลและฝ่ายค้านมาหลายสมัย ปกติการตกลงร่วมกันจะใช้ตำแหน่งนายกฯ เป็นสำคัญ เพราะจะง่ายต่อการแบ่งปันตำแหน่ง ซึ่งการตั้งรัฐบาลในปัจจุบันมองว่าง่ายกว่าในอดีต เพราะมีเพียง 8 พรรคการเมือง ขณะเดียวกันมีเพียง 2 พรรคเท่านั้นที่รวมเสียงได้เกินครึ่ง แต่ครั้งนี้ดูแล้วมีปัญหา เพราะมีประเด็นความต้องการประธานสภาฯ และตำแหน่งนายกฯ ซึ่งเขามีเหตุผลและเป็นปกติที่เป็นไปได้ แต่หากเอาทุกอย่างปัญหาไม่จบ

ส่วนที่พรรคก้าวไกลกังวลว่าหากไม่ได้ประธานสภาฯ จะผลักดันกฎหมายของตนเองไม่ได้ นายชวน กล่าวว่า ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง เพราะประธานสภาฯ ไม่สามารถทำตามอำเภอใจหรือทำสิ่งที่ขัดกับข้อบังคับการประชุมได้ ส่วนที่ระบุว่าหากไม่ได้ประธานสภาฯ จะไม่ได้ตำแหน่งนายกฯ ก็ไม่จริง เพราะการเลือกนายกฯ ต้องลงมติจากสมาชิก ซึ่งประธานสภาฯ ต้องดำเนินการตามมติของสภาฯ ไม่สามารถเปลี่ยนคนได้ ประธานสภาฯ จะเกี่ยง ถ่วง หรือเสนอชื่อคนอื่นไม่ได้ ดังนั้น

“ที่บอกว่าหากไม่ได้ตำแหน่งประธานสภาฯ ตำแหน่งนายกฯ จะมีปัญหานั้นไม่เกี่ยวกัน อีกทั้งการผลักดันกฎหมาย ประธานสภาฯ ไม่สามารถทำตามอำเภอใจว่าจะเอากฎหมายของใครขึ้นมาพิจารณาก่อนได้ ต้องเป็นไปตามลำดับการเสนอจากสมาชิก หากจะเปลี่ยนวาระต้องขอมติจากที่ประชุม ไม่ใช่อำนาจของประธานสภาฯ ฝ่ายที่ตั้งรัฐบาล ไม่ใช่เอาทุกอย่างเป็นของตนเอง ต้องต่อรอง เพราะนอกจากเรื่องนี้ยังมีการต่อรองอื่นๆ เช่น กระทรวง ตนมองว่าหากเขาสามารถพูดคุยกันอย่างใกล้ชิด และเข้าใจภารกิจ บทบาทหน้าที่ การแบ่งอำนาจ จะทำให้เกิดความขัดแย้งน้อยลง แต่ที่มีความขัดแย้งมาก เพราะไม่เข้าใจหลายเรื่อง” นายชวน กล่าว