ดอลลาร์สหรัฐแข็งขึ้นกว่า 18% นับจากต้นปี ทำเงินทั่วโลกอ่อน เงินบาทอ่อนค่าลง 12%

340
0
Share:
ดอลลาร์สหรัฐ แข็งขึ้นกว่า 18% นับจากต้นปี ทำเงินทั่วโลกอ่อน เงินบาท อ่อนค่าลง 12%

นายปิติ ดิษยทัต ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คาดว่าการอ่อนค่าของค่าเงินในช่วงที่ผ่านมา ยังไม่ได้ส่งผลต่อเศรษฐกิจและเงินเฟ้อในภาพรวม เนื่องจากการอ่อนค่าของเงินบาท เป็นการแข็งค่าของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ เพราะธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเร็วและแรงมาก ซึ่งตั้งแต่ต้นปีค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นถึง 18% ซึ่งถือว่าเพิ่มสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ ทำให้เกือบทุกประเทศในโลกนี้มีค่าเงินที่อ่อนลง เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ฉะนั้น หากมองการอ่อนค่าของเงินบาทแค่ในภูมิภาคเอเชียยังอยู่ระดับกลางๆ อ่อนลงมา 12% ตั้งแต่ต้นปี อ่อนค่าลงน้อยกว่า ไต้หวัน ฟิลิปปินส์ ญี่ปุ่น และเกาหลี

โดยคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีการประเมินว่าเรื่องค่าเงินเป็นสิ่งที่ต้องจับตาอย่างใกล้ชิด เพราะในช่วงที่มีความผันผวนสูง เช่น ขณะนี้ และในช่วงที่ผ่านมา แต่คณะกรรมการฯ ก็ตระหนักว่าความสามารถของนโยบายการเงิน และเครื่องมือที่มีอยู่ ในการที่จะดูแลการแข็งค่าของดอลลาร์สหรัฐมีจำกัด ซึ่งเป็นเรื่องของเศรษฐกิจโลก หากถามว่าดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น ประเทศไทยจะทำอะไรเกี่ยวกับดอลลาร์แข็งขึ้นได้ ก็คงทำได้ไม่เยอะ และหากต้องทำก็ต้องใช้อะไรที่แรง

ทั้งนี้ มีข้อกังวลเรื่องเงินทุนไหลออกจากประเทศ จากการที่ดอลลาร์แข็งค่า อย่างไรก็ดี ในประเทศไทยตั้งแต่ต้นปี จนถึงปัจจุบันเงินทุนเคลื่อนย้ายสุทธิเข้าประเทศไทยยังเป็นบวกอยู่ โดยเข้าในระบบการลงทุนหุ้นจำนวนมาก ฉะนั้น ไทยไม่มีปัญหาเงินทุนเคลื่อนย้ายไหลออกไปจากประเทศ เนื่องจากนักลงทุนยังเห็นศักยภาพของประเทศไทย เพราะเสถียรภาพไทยยังแข็งแกร่ง. โดยเงินทุนสำรองต่างประเทศที่มีอยู่ หากเทียบกับสัดส่วนจีดีพีแล้ว ไทยอยู่อันดับที่ 6 ของโลก และหนี้สินของไทยในต่างประเทศก็ค่อนข้างน้อย หากเทียบกับปริมาณทุกสำรอง โดยมีทุนสำรองปริมาณ 3 เท่าของหนี้สินระยะสั้น

ขณะเดียวกันค่าเงินบาทอ่อนลงช่วยผู้ส่งออกระดับหนึ่ง แต่ที่เป็นห่วงคือต้นทุนขานำเข้า ซึ่งทำให้ผู้ประกอบการนำเข้าต้องจ่ายเงินสูงขึ้นในรูปของสกุลเงินบาท