ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดขึ้นกว่า 160 จุด

302
0
Share:

เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2565 (ตามเวลาในสหรัฐ) ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดที่ระดับ 32,036 จุด +162 จุด หรือ +0.51% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับ 3,998 จุด +39 จุด หรือ +0.99% และดัชนีหุ้นนาสแดค ปิดที่ระดับ 12,059 จุด +161 จุด หรือ +1.36%

สาเหตุจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับอ่อนค่าลง ท่ามกลางธนาคารกลางยูโรปรับขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้น 0.5% เป็นครั้งแรกในรอบ 11 ปี รวมถึงมุมมองของนักลงทุนที่มีต่อผลประกอบการไตรมาสที่ 2 ของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นนิวยอร์คที่ยังคงประเมินว่าแม้จะออกมาตกค่ำลงแต่เป็นไปตามคาดการณ์ไว้

ตลาดซื้อขายสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า รายงานว่า ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 96.35 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล -3.53 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -1.95% ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2565 มีราคาพุ่งขึ้นสูงสุดที่ 130.50 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ทำสถิติราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ที่สูงสุดนับตั้งแต่กันยายน 2008 หรือในรอบ 13 ปี 5 เดือน

ด้านราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ปิดที่ 103.86 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล -3.06 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -2.9% ก่อนหน้านี้ ราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ มีราคาสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2008 หรือในรอบ 13 ปี 7 เดือน โดยเมื่อคืนวันจันทร์ที่ 7 มีนาคม 2565 มีขึ้นมาสูงสุดระหว่างวันที่ระดับ 139.13 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล

สาเหตุจาก สหรัฐอเมริการายงานปริมาณความต้องการใช้น้ำมันสำเร็จรูปลดลงในช่วงฤดูร้อน ซึ่งปกติจะมีปริมาณการใช้น้ำมันสูงสุดของปี ส่งผลให้ปริมาณสำรองน้ำมันสำเร็จรูปในสัปดาห์ที่ผ่านไปเพิ่มสูงขึ้น 3.5 ล้านบาร์เรล ซึ่งมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ นอกจากนี้ ธนาคารกลางกลุ่มยูโรปรับขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้นถึง 0.5% ซึ่งมากกว่าที่คาดไว้ และยังเป็นการขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้นครั้งแรกในรอบ 11 ปี สร้างความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจกลุ่มยูโรที่จะชะลอตัวมากยิ่งขึ้น

ราคาทองคำล่วงหน้านิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 1,712.30 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ +19.80 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ +0.73% ก่อนหน้านี้ ราคาทองคำล่วงหน้ามีราคาสูงสุดระหว่างวันขึ้นไปถึง 2,072.50 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ทำสถิติสูงสุดนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2020 หรือในรอบ 18 เดือน นอกจากนี้ ราคาทองคำล่วงหน้าดำดิ่งมากถึง 380 ดอลลาร์สหรัฐนับตั้งแต่ช่วงต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา

สาเหตุจาก ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐกลับร่วงอ่อนค่าในคืนผ่านมา ท่ามกลางนักลงทุนประเมินโอกาสการปรับขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้นสูงถึง 1% ของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาอาจเป็นไปได้น้อยลง