ดาวโจนส์ปิดดิ่งแรงกว่า 440 จุด น้ำมันดิบปิดพุ่งเหนือ 121 ดอลลาร์

370
0
Share:
เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2565 (ตามเวลาในสหรัฐ) ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดที่ระดับ 34,358 จุด -448 จุด หรือ -1.29% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 อยู่ที่ระดับ 4,456 จุด -55 จุด หรือ -1.23% และดัชนีหุ้นนาสแดค อยู่ที่ระดับ 13,922 จุด -186 จุด หรือ -1.32%
.
สาเหตุจากราคาน้ำมันดิบตลาดโลกพุ่งทะยานขึ้นไปปิดเหนือ 121 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล หรือกว่า 5% นอกจากนี้ แนวโน้มการปรับขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้นของธนาคารกลางสหรัฐ ที่อาจสูงถึงครั้งละ 0.5% ยังคงเป็นน้ำหนักถ่วงการลงทุน
.
ตลาดซื้อขายสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า รายงานว่า ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 114.93 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล +5.66 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ +5.18% ก่อนหน้านี้ เมื่อ 2 สัปดาห์ผ่านมา มีราคาพุ่งขึ้นสูงสุดที่ 130.50 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ทำสถิติราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ที่สูงสุดนับตั้งแต่กันยายน 2008 หรือในรอบ 13 ปี 5 เดือน
.
ด้านราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ปิดที่ 121.60 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล +6.12 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +5.3% ก่อนหน้านี้ ราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ มีราคาสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2008 หรือในรอบ 13 ปี 7 เดือน โดยเมื่อคืนวันจันทร์ที่ 7 มีนาคม 2565 มีขึ้นมาสูงสุดระหว่างวันที่ระดับ 139.13 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล
.
สาเหตุจากท่อส่งน้ำมันดิบจากประเทศคาซัคสถานผ่านทะเลดำได้รับความเสียหายจากพายุพัดผ่าน ส่งผลต่อปริมาณน้ำมันดิบจากประเทศคาซัคสถานหายไปจากตลาดโลกราว 1.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 1.2% ของความต้องการน้ำมันดิบในตลาดโลก นอกจากนี้ รองนายกรัฐมนตรี ประเทศรัสเซีย เปิดเผยว่า ท่อส่งน้ำมันดิบที่ได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์พายุ และภาวะอากาศที่ย่ำแย่จากพื้นที่ทะเลดำ จะส่งผลให้ปริมาณน้ำมันดิบหายไปถึง 2 สัปดาห์ ในขณะที่ ปริมาณสำรองน้ำมันดิบรายสัปดาห์ในสหรัฐอเมริกา ปรากฎว่า ลดลงเหนือความคาดหมายถึง 2.5 ล้านบาร์เรล สวนทางกับการคาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น
.
ราคาทองคำล่วงหน้านิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 1,937.30 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ +12.50 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ +0.8% ก่อนหน้านี้ ราคาทองคำล่วงหน้ามีราคาสูงสุดระหว่างวันขึ้นไปถึง 2,072.50 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ทำสถิติสูงสุดนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2020 หรือในรอบ 18 เดือน
.
สาเหตุจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐทรงตัว รวมถึงผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริการะยะสั้นอายุ 10 ปี ทรงตัวกว่า 2% ยังมีสถิติสูงสุดในรอบเกือบ 3 ปี หลังจากคณะกรรมการนโยบายการเงิน ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา ได้ปรับขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้นครั้งแรกในรอบ 2 ปีกว่า อย่างไรก็ตาม ยังคงให้ความสำคัญกับสถานการณ์วิกฤตรุนแรงของรัสเซียกับยูเครน หลังจากการเจรจาต่อรองของรัฐมนตรีต่างประเทศทั้ง 2 ประเทศ แทบไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด