ดาวโจนส์ปิดติดลบ 25 จุดหลังราคาน้ำมันดิบถูกถล่มเกือบ 10%

เมื่อวันที่ 7 เมษายน(ตามเวลาในสหรัฐ) ตลาดหุ้นนิวยอร์ก สหรัฐ ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ ปิดที่ระดับ 22,653 จุด -26 จุด หรือ -0.12% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับ 2,659 จุด -4 จุด หรือ -0.16% และดัชนีหุ้นนาสแดค ปิดที่ระดับ 7,887 จุด -25 จุด หรือ -0.33% ส่งผลให้ดัชนีหุ้นสำคัญพุ่งทะยานมากถึง 20% จากจุดต่ำสุดเมื่อวันที่ 23 มีนาคมที่ผ่านมา
.
สาเหตุจากนักลงทุนเริ่มประเมินภาวะดัชนีหุ้นที่พุ่งทะยานอย่างรุนแรงในช่วงที่ผ่านมาว่าเริ่มไม่สะท้อนสภาวะการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่แท้จริง เมื่อพิจารณาจากผลกระทบอย่างรุนแรงที่มีต่อเศรษฐกิจในอนาคต ที่เกิดจากสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 ในสหรัฐอเมริกาและทั่วโลก ถึงแม้ว่าเริ่มมีสัญญาณผ่อนคลายมากขึ้นจากจำนวนผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตในประเทศที่เป็นแหล่งระบาดที่ลดลง นอกจากนี้ ความคาดหวังในการเจรจาลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบของกลุ่มโอเปกพลัสที่ถูกเลื่อนวันประชุมจากเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาไปเป็นวันพฤหัสบดีนี้
.
ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 23.63 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล -2.45 ดอลลาร์สหรัฐ หรือ -9.3% ราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ปิดที่ 31.87 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล -1.18 ดอลลาร์สหรัฐ หรือ -3.57% สาเหตุจากนักลงทุนเป็นกังวลกับความไม่แน่นอนในการประชุมของซาอุดีอาระเบียและรัสเซียเกี่ยวกับข้อตกลงลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบวันละ 10 ล้านบาร์เรล ซึ่งถูกเลื่อนจากเมื่อวันจันทร์ไปเป็นวันพฤหัสบดีนี้
.
ราคาทองคำนิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 1,683.70 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ -27.30 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ สาเหตุจากนักลงทุนประเมินภาวะเงินเฟ้อทั่วโลกในอนาคตอาจพุ่งขึ้นอย่างน่ากังวลหลังจากมูลค่าของมาตรการเยียวยาและกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล และธนาคารกลางสำคัญในประเทศหลายแห่งที่ได้รับผลกระทบจากภาวะโรคระบาดโควิด-19 มีปริมาณจำนวนมากมายเป็นประวัติการณ์