ดาวโจนส์ปิดพุ่งกว่า 270 จุด น้ำมันดิบปิดต่ำกว่า 90 ดอลล์ ทองคำปิดเฉียด 1,800 ดอลล์

341
0
Share:
หุ้น

เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2565 (ตามเวลาในสหรัฐ) ตลาดหุ้นนิวยอร์ก สหรัฐ ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ ปิดที่ระดับ 35,405 จุด +273 จุด หรือ +0.48% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับ 4,546 จุด +30 จุด หรือ +0.69% และดัชนีหุ้นนาสแดค ปิดที่ระดับ 14,346 จุด +106 จุด หรือ +0.75% สำหรับเดือนมกราคม 2565 ที่ผ่านไป ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ดิ่งหนัก -5.3% และดัชนีหุ้นนาสแดคร่วงระนาว -8.9% ทำสถิติดัชนีหุ้นรายเดือนที่ย่ำแย่ที่สุดในรอบเกือบ 2 ปี หรือนับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2020 เป็นต้นมา นอกจากนี้ ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ยังทำสถิติดัชนีในเดือนมกราคมที่ทรุดหนักมากที่สุดในรอบ 13 ปีด้วย สอดรับกับดัชนีหุ้นดาวโจนส์ทรุดหนัก -3.5% ในเดือนแรกของปีนี้

สาเหตุจากผลประกอบการไตรมาสที่ 4 ในปี 2564 ของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีออกมาดี หรือเสมอตามการคาดการณ์ ท่ามกลางแรงกดดันของภาวะเงินเฟ้อ และการเร่งขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้นของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา

ตลาดซื้อขายสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า รายงานว่า ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 88.20 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล +0.05 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ +0.06% โดยในช่วงระหว่างวันเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านไป ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ สหรัฐ พุ่งขึ้นสูงสุดที่ 88.84 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ทำสถิติสูงสุดตั้งแต่เดือนตุลาคม 2014 หรือในรอบ 7 ปี 2 เดือน

ด้านราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ปิดที่ 89.16 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล -0.10 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -0.11% โดยในช่วงระหว่างวันของเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านไป ราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ พุ่งขึ้นสูงสุดที่ 91.70 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ทำสถิติสูงสุดตั้งแต่เดือนตุลาคม 2014 หรือในรอบ 7 ปี 2 เดือน ดังนั้นในเดือนมกราคมที่ผ่านไป ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกพุ่งทะยาน 17% ทำสถิติราคาน้ำมันดิบรายเดือนที่ดีที่สุดในรอบ 1 ปี หรือนับตั้งแต่กุมภาพันธ์ 2564

สาเหตุจากนักลงทุนรอผลการประชุมกลุ่มโอเปกพลัสในวันนี้ 2 กุมภาพันธ์ โดยคาดการณ์ว่ากลุ่มโอเปกพลัสอาจเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันดิบเพื่อแก้ปัญหาปริมาณน้ำมันดิบโลกตึงตัว สถานการณ์รุนแรงในภูมิภาคตะวันออกกลาง และยุโรปฝั่งตะวันออก โดยเฉพาะสถานการณ์การเมืองระหว่างประเทศในยูเครนกับรัสเซียที่อาจทวีความรุนแรงขึ้น ด้านปัจจัยพื้นฐานการผลิตน้ำมันดิบ พบว่าตลาดน้ำมันดิบตึงตัวจากกำลังการผลิต แม้ว่ากลุ่มโอเปกพลัสจะมีมติเพิ่มกำลังการผลิต 400,000 บาร์เรลในเดือนกุมภาพันธ์เป็นต้นไปก็ตาม

ราคาทองคำล่วงหน้านิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 1,799.10 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ +3.30 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ +0.2% ส่งผลให้เดือนมกราคม 2565 มีราคาทองคำรายเดือนลดลง -1.8% ทำสถิติราคาทองคำตลาดโลกรายเดือนที่ย่ำแย่ที่สุดในรอบ 4 เดือน หรือตั้งแต่กันยายน 2564

สาเหตุจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริการะยะสั้นอายุ 10 ปี ยังคงสูงขึ้นใกล้เคียงสถิติใหม่ในรอบ 2 ปีผ่านมา ในขณะที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งแข็งค่าขึ้น หลังการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา หรือเฟดในวันที่ 25-26 มกราคม 2565 ซึ่งเป็นการประชุมนัดแรกของปีนี้