ตั้งกองทุนเก็บค่าต๋งแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า

676
0
Share:

นายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า จากการหารือร่วมกับผู้ประกอบการรถยนต์ เกี่ยวกับแนวทางการจัดทำร่าง พ.ร.บ.กองทุนส่งเสริมและพัฒนายานยนต์ไฟฟ้า ทำให้ในช่วงต้นปี 2563 จะเสนอให้กระทรวงการคลังพิจารณาเห็นชอบในหลักการเกี่ยวกับการจัดตั้งกองทุนดังกล่าว ซึ่งจะมีหน้าที่หลักในการดูแล ติดตามการบริหารจัดการแบตเตอรี่ของยานยนต์ไฟฟ้าที่เสื่อมสภาพให้ถูกวิธี ทั้งการกำจัดทิ้งให้สิ้นซาก หรือการรีไซเคิล เพื่อไม่ให้แบตเตอรี่ของยานยนต์ไฟฟ้าที่เสื่อมสภาพ กลายเป็นขยะอิเล็กทรอนิกส์ตกค้างภายในประเทศ
.
โดยหลังจากกระทรวงการคลังเห็นชอบในหลักการแล้ว จะต้องทำประชาพิจารณ์ตามขั้นตอน และเสนอให้คณะรัฐมนตรี หรือ ครม. พิจารณาเห็นชอบ ก่อนเสนอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป โดยยอมรับว่ายังมีกระบวนการอีกมาก และต้องใช้ระยะเวลาดำเนินการพอสมควร ซึ่งประเมินว่ากองทุนดังกล่าวจะยังไม่แล้วเสร็จภายในปี 2563 แน่นอน
.
แต่ปัจจุบันมีการใช้พลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่เป็นตัวขับเคลื่อน ทั้งรถยนต์และเรือ ไปจนถึงของใช้อื่น ๆ โดยสิ่งที่เป็นห่วงคือแบตเตอรี่ไฟฟ้า ซึ่งเป็นจำพวกนิเกิลไอออน และลิเทียมไฮไดรด์ ซึ่งเป็นแบตเตอรี่ที่ไม่สามารถรีไซเคิลได้ จึงต้องมีระบบบริหารจัดการขึ้นมาดูแล ซึ่งพิจารณาร่วมกับภาคเอกชนแล้ว เห็นว่าการจัดตั้งหน่วยติดตามในส่วนนี้ในรูปแบบกองทุน จะคล่องตัวมากที่สุด และจะมีคณะกรรมการกองทุน ที่มีตัวแทนภาคเอกชนและนักวิชาการเข้ามาร่วมด้วย และมีหน้าที่หลักในการติดตามการบริหารจัดการแบตเตอรี่ไฟฟ้าที่เสื่อมสภาพ
.
สำหรับกลไกของกองทุนดังกล่าว จะมีการเรียกเก็บเงินจากแบตเตอรี่ไฟฟ้าไม่เกิน 1 พันบาทต่อยูนิต เสมือนเป็นค่ามัดจำ เพื่อไม่ให้เป็นภาระกับผู้บริโภค และเพื่อสร้างระบบในการกำกับติดตาม และกรณีที่แบตเตอรี่ครบอายุการใช้งาน เช่น 5-7 ปี ผู้บริโภคต้องนำแบตเตอรี่มาคืนให้กับค่ายรถยนต์ เพื่อนำเข้าสู่ระบบกำจัดอย่างถูกต้อง และค่ายรถยนต์จะคืนเงินกลับไปให้ผู้บริโภค
.
โดยเบื้องต้นประเมินว่า การจัดเก็บเงินเข้ากองทุนดังกล่าว ในช่วงแรกจะมีเงินเข้ามาประมาณ 10 ล้านบาท ซึ่งกรมฯ ไม่ได้ต้องการเงินจำนวนมากอยู่แล้ว แต่เพียงแค่ต้องการให้มีกลไกการจัดการแบตเตอรี่ที่ชัดเจนและถูกต้องเท่านั้น