ติดโควิด-19 รายใหม่พุ่งทะลุกว่า 20,000 รายในฝรั่งเศสเป็นวันที่ 2 มากที่สุดในรอบ 2 เดือนครึ่ง

กระทรวงสาธารณสุข ฝรั่งเศสรายงานว่า ในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมาถึงเมื่อวานนี้ 18 พฤศจิกายน 2564 พบผู้ติดเชื้อรายใหม่พุ่งทะยานถึง 20,366 ราย ไม่เพียงทำสถิติติดเชื้อรายใหม่มากที่สุดในรอบ 2 เดือนกว่า หรือนับตั้งแต่วันที่ 26 สิงหาคม 2564 ที่ผ่านมา แต่ยังเป็นการติดเชื้อรายวันมากกว่า 20,000 คนขึ้นไปเป็นวันที่ 2 ติดต่อกันในรอบ 2 เดือนกว่าด้วย ส่งผลให้จำนวนติดเชื้อสะสมเป็น 7,351,324 ราย อยู่อันดับที่ 7 ของโลก และอยู่อันดับ 4 ของยุโรป ขณะที่พบผู้เสียชีวิตรายใหม่ 52 ราย รวมเสียชีวิตสะสมพุ่งสูงเป็น 118,373 ราย

ขณะนี้ อัตราการการติดเชื้อในฝรั่งเศสในสัปดาห์นี้พุ่งทะยานถึง 62% เมื่อเปรียบเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้านี้

ประธานาธิบดีฝรั่งเศส นายเอ็มมานูเอล มาครอง เปิดเผยว่าสำหรับประเทศฝรั่งเศสแล้ว การใช้มาตรการล็อกดาวน์กับประชาชนชาวฝรั่งเศสที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็น ท่ามกลางหลายประเทศในยุโรปเลือกใช้มาตรการดังกล่าวในปัจจุบัน

นอกจากนี้ ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ประกาศว่า ตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคม 2564 เป็นต้นไป ให้ผู้สูงอายุชาวฝรั่งเศสที่มีอายุตั้ง 65 ปีขึ้นไปต้องเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคระบาดโควิด-19 เข็มบูสเตอร์ หรือเข็มที่ 3 ซึ่งเป็นข้อมูลที่ต้องแสดงในเอกสารการฉีดวัคซีนเมื่อจะใช้บริการต่างๆในที่สาธารณะ

นายเอ็มมานูเอล มาครอง ยอมรับว่า สถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 ในฝรั่งเศสยังไม่จบสิ้น แต่เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอื่นๆ เช่น เยอรมนี หรือ สหราชอาณาจักร จะพบว่าฝรั่งเศสอยู่ในฐานะที่ควบคุมการระบาดได้ดีกว่า เนื่องจากทั้ง 2 ประเทศข้างต้นกลับมามีการระบาดของโรคโควิด-19 สูงขึ้นด้วยอัตราติดเชื้อเพิ่ม 40% ในสัปดาห์ที่แล้ว

อย่างไรก็ตาม ผู้นำสูงสุดของฝรั่งเศสเรียกร้องให้ประชาชนชาวฝรั่งเศสอีก 6 ล้านคนที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนให้รีบมารับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคระบาดโควิด-19