ทุบหุ้นอีก! ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ดิ่งแรงกว่า 220 จุด น้ำมันดิบโลกปิดหลุด 77 ดอลลาร์

194
0
Share:
ทุบหุ้นอีก! ดัชนี หุ้น ดาวโจนส์ ดิ่งแรงกว่า 220 จุด น้ำมันดิบโลกปิดหลุด 77 ดอลลาร์

เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2023 (ตามเวลาในสหรัฐ) ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดที่ระดับ 33,309 จุด -221 จุด หรือ -0.66% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับ 4,130 จุด -7 จุด หรือ -0.17% และดัชนีหุ้นนาสแดค ปิดที่ระดับ 12,328 จุด +22 จุด หรือ +0.18%

สาเหตุจากนักลงทุนผิดหวังกับผลประกอบการไตรมาสที่ 2 ของบริษัทดิสนีย์ อินคอร์ปอเรชั่น ที่ถึงแม้ว่าจะลดค่าใช้จ่ายด้วยการตัดลดการผลิตคอนเทนท์ภาพยนตร์บนแพลทฟอร์มสตรีมมิ่งดิสนีย์พลัส รวมถึงขึ้นราคาสมาชิกก็ตาม แต่ตัวเลขผลประกอบการในภาพรวมกลับไม่ถูกใจนักลงทุน

นอกจากนี้ ความกังวลครั้งใหม่กลับมากับหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ระดับภูมิภาคของสหรัฐอเมริกา เมื่อธนาคารแพคเวสท์ แบงก์คอร์ป รายงานว่าปริมาณเงินฝากของธนาคารในสัปดาห์ผ่านมาหดหายมากถึง 9.5% รวมถึงถ้าหากมีความจำเป็น ธนาคารอาจต้องเติมสภาพคล่องด้วยการกู้ยืมเงิน 15,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 510,000 ล้านบาท

ด้านตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญ ได้แก่ เงินเฟ้อผู้ผลิตสินค้าและบริการทั่วไปในเดือนเมษายนในสหรัฐอเมริกาเพิ่มขึ้น 0.2% ซึ่งต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 0.3% และยังลดลงต่อเนื่องจากเดือนมีนาคมที่ระดับ 0.4% สอดคล้องกับเงินเฟ้อผู้ผลิตสินค้าและบริการขั้นพื้นฐานในเดือนเดียวกันเพิ่มขึ้นเพียง 0.2% ตามคาดการณ์ ในแง่เทียบช่วงเดียวกันกับปีผ่านมา พบว่า เงินเฟ้อผู้ผลิตสินค้าและบริการทั่วไปในเดือนเมษายนเพิ่มขึ้น 2.3% ลดลงจากเดือนมีนาคมที่ระดับ 2.7%

เมื่อวันอังคารผ่านมา ตัวเลขเงินเฟ้อพื้นฐานและทั่วไปของเดือนเมษายนที่ประกาศในวันคืนผ่านมานั้น พบว่าเพิ่มขึ้น 0.7% และเพิ่มขึ้น 4. 4.9% ในขณะที่ตามตัวเลขคาดการณ์จะอยู่ที่ 5% ส่งผลให้นักลงทุนเพื่อประเมินแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาในการประชุมเดือนมิถุนายนอาจจะตรึงดอกเบี้ยระยะสั้นเป็นครั้งแรกในรอบ 1 ปีผ่านมา ส่งผลให้หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับสูงมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม นักลงทุนเฝ้าจับตามองสถานการณ์การเมืองในรัฐสภาคองเกรสของสหรัฐอเมริกาที่กำลังตึงเครียดกับการพิจารณากฎหมายขยายการกู้ยืมเงินของรัฐบาลเพื่อหลีกเลี่ยงภาวะรัฐบาลสหรัฐอเมริกาไม่สามารถชำระคืนหนี้สินได้ก่อนถึงวันที่ 1 มิถุนายนนี้

ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 70.87 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล -1.69 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -2.3% ทำให้ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ปิดลดลง 2 วันทำการติดกันรวม -2.84 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล

ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2565 มีราคาพุ่งขึ้นสูงสุดที่ 130.50 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ทำสถิติราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ที่สูงสุดนับตั้งแต่กันยายน 2008 หรือในรอบ 13 ปี 5 เดือน

ด้านราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ปิดที่ 76.41 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล -1.03 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -1.3% ทำให้ราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ ปิดลดลง 2 วันทำการติดกันรวม -2.46 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล

ในปี 2022 ผ่านไปราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ มีราคาสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2008 หรือในรอบ 13 ปี 7 เดือน โดยเมื่อคืนวันจันทร์ที่ 7 มีนาคม 2565 มีขึ้นมาสูงสุดระหว่างวันที่ระดับ 139.13 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล

สาเหตุจากนักลงทุนและนักวิเคราะห์วงการน้ำมันดิบโลกประเมินว่า ผลจากเงินเฟ้อเมษายนในสหรัฐอเมริกาแม้จะเพิ่มขึ้นไม่ถึงตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 5.0% แต่แนวคิดที่ธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟด จะปรับขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้นต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 11 ติดต่อกันในการประชุมเดือนหน้ากลับมีความเป็นไปได้ ส่งผลต่อภาวะเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาเข้าสู่ถดถอยมากขึ้น

ด้านสำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ หรือไออีเอ เปิดเผยว่า คาดการณ์ความต้องการบริโภคน้ำมันดิบในสหรัฐอเมริกาตามฤดูกาลในปีนี้จะเพิ่มขึ้นท่ามกลางปริมาณการผลิตน้ำมันดิบจะลดต่ำลง

นักลงทุนเฝ้าติดตามและประเมินสถานการณ์การเมืองในรัฐสภาคองเกรสของสหรัฐอเมริกาที่กำลังตึงเครียดกับการพิจารณากฎหมายขยายการกู้ยืมเงินของรัฐบาลมูลค่า 31.4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 1,068 ล้านล้านบาท เพื่อหลีกเลี่ยงภาวะรัฐบาลสหรัฐอเมริกาไม่สามารถชำระคืนหนี้สินได้ก่อนถึงวันที่ 1 มิถุนายนนี้ นอกจากนี้ รัฐมนตรีคลังสหรัฐชี้แจงว่าสหรัฐอเมริกามีเงินงบประมาณสำหรับการใช้จ่ายบริหารประเทศได้เพียงอีก 1 เดือนเท่านั้น

ราคาทองคำส่งมอบทันที หรือ Gold Spot ปิดที่ 2,039.59 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ร่วงลงมากถึง -25.29 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือลดลง -0.75% ขณะที่ราคาทองคำล่วงหน้า หรือ Gold Future นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ระดับ 2,020.50 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ -16.10 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หรือ -0.8%

ก่อนหน้านี้เมื่อกลางเดือนเมษายนผ่านไป ราคาทองคำล่วงหน้ามีราคาปิดสูงสุดในรอบ 1 ปีที่ 2,048.71 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ จากวิกฤตธนาคารเอสวีบี และเอสบี ปิดกิจการและถูกควบคุมโดยทางการสหรัฐอเมริกา

ย้อนกลับไปในปี 2022 ผ่านไปเมื่อเดือนมีนาคม พบว่าราคาทองคำล่วงหน้ามีราคาสูงสุดระหว่างวันขึ้นไปถึง 2,072.49 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์

สาเหตุจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐกลับมาแข็งค่าอย่างรวดเร็วในคืนผ่านมา ท่ามกลางเงินเฟ้อผู้ผลิตสินค้าและบริการทั่วไปในเดือนเมษายนในสหรัฐอเมริกาเพิ่มขึ้น 0.2% ซึ่งต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 0.3% และยังลดลงต่อเนื่องจากเดือนมีนาคมที่ระดับ 0.4% สอดคล้องกับเงินเฟ้อผู้ผลิตสินค้าและบริการขั้นพื้นฐานในเดือนเดียวกันเพิ่มขึ้นเพียง 0.2% ตามคาดการณ์ ในแง่เทียบช่วงเดียวกันกับปีผ่านมา พบว่า เงินเฟ้อผู้ผลิตสินค้าและบริการทั่วไปในเดือนเมษายนเพิ่มขึ้น 2.3% ลดลงจากเดือนมีนาคมที่ระดับ 2.7%

คืนก่อนหน้านี้ภาวะเงินเฟ้อเดือนเมษายนในสหรัฐอเมริกากลับเพิ่มขึ้นไม่สูงกว่าที่คาดไว้ โดยเพิ่มขึ้น 0.7% เมื่อเทียบในช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา พบว่าเพิ่มเป็น 4.9% ในขณะที่ตามตัวเลขคาดการณ์จะอยู่ที่ 5% ส่งผลให้นักลงทุนเพื่อประเมินแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาในการประชุมเดือนมิถุนายนอาจจะตรึงดอกเบี้ยระยะสั้นเป็นครั้งแรกในรอบ 1 ปีผ่านมา