ธนาคารกลางกลุ่มยูโรขึ้นดอกเบี้ย-เลิกซื้อพันธบัตรเดือนกรกฎาคม

นางคริสทีน ลาการ์ด ประธานธนาคารกลางกลุ่มประเทศยูโร หรือ ECB เปิดเผยว่า เตรียมปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% และยุติมาตรการซื้อคืนพันธบัตรรัฐบาลในระบบการเงิน โดยจะเริ่มตั้งแต่เดือนกรกฎาคมเป็นต้นไป นอกจากนี้ การปรับเพิ่มขึ้นอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวจะปรับเพิ่มขึ้นอีกในการประชุมเดือนกันยายนอีกด้วย แต่จะมีการปรับเพิ่มขึ้นมากหรือเท่ากับในเดือนกรกฎาคมนั้น จะขึ้นอยู่กับการประเมินสถานการณ์และตัวชี้วัดเศรษฐกิจอีกครั้ง โดยเฉพาะตัวเลขเงินเฟ้อในระยะกลาง

สำหรับอัตราเงินเฟ้อของกลุ่มประเทศยูโร ซึ่งมีทั้งหมด 19 ประเทศสมาชิกนั้น มีอัตราที่ 8.1% ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งทำสถิติอัตราเงินเฟ้อสูงสุดเป็นประวัติการณ์

ประธานธนาคารกลางกลุ่มประเทศยูโร หรือ ECB กล่าวต่อไปว่า ได้ปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจลงอย่างมาก ในปี 2565 ปรับลดจากเดิมที่ระดับ 3.7% เหลือ 2.8% ในปี 2566 ปรับลดจากเดิมที่ระดับ 2.8% เหลือ 2.1% และปี 2567 ปรับลดจากเดิมที่ระดับ 2.1% เหลือ 1.6%

สำหรับเป้าหมายเงินเฟ้อในช่วง 3 ปีจากนี้ไปนั้น ECB ได้มีการปรับเป้าหมายเงินเฟ้อของกลุ่มยูโรในปี 2565 ด้วยการปรับเพิ่มขึ้นจากเดิมที่ 5.1% เป็น 6.8% ในปี 2566 ปรับเพิ่มขึ้นจากเดิมที่ 2.1% เป็น 3.5% และในปี 2567 ปรับเพิ่มขึ้นจากเดิมที่ 1.9% เป็น 2.1%

ทั้งนี้ ในปี 2565 ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาได้ปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% เมื่อเดือนมีนาคม ตามด้วยการปรับเพิ่มขึ้นอีก 0.5% ในเดือนพฤษภาคม นับเป็นการปรับเพิ่มขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่มากที่สุดในรอบ 22 ปีผ่านมา หรือนับตั้งแต่ปี 2000 นอกจากนี้ ธนาคารกลางอังกฤษปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นถึง 4 ครั้งติดต่อกัน ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยดังกล่าวขึ้นมาทำสถิติสูงสุดในรอบ 13 ปี สาเหตุจากอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งทำสถิติสูงในรอบกว่า 4 ทศวรรษ