ธ.เจพีมอร์แกนลดน้ำหนักลงทุนหุ้นไทย เตือนกอดเงินสดมากกว่าซื้อหุ้น

313
0
Share:
หุ้น

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ จำกัดกล่าวว่าว่า ช่วงนี้มีปัจจัยลบตลาดค่อนข้างมาก ทั้งสงครามยูเครน-รัสเซียที่ยืดเยื้อ ส่งผลต่อราคาพลังงาน และราคาอาหารที่แพงขึ้นทั่วโลกซึ่งส่งผลให้เงินเฟ้อสูงขึ้น และทำให้เฟดจำเป็นต้องเร่งขึ้นดอกเบี้ย อันนี้เป็นสัญญาณการเงินที่ลบต่อตลาด และเรื่องการใช้มาตรการล็อกดาวน์ ก็มีผลกระทบเช่นกัน ที่จีนมีการระบาดของโควิด-19 ทำให้เศรษฐกิจจีนมีแนวโน้มชะลอตัว ท่ามกลางปัจจัยต่างๆ ที่เป็นลบ จึงอยากให้นักลงทุนถือเงินสดเพิ่มขึ้น และลดการถือครองหุ้นลง อย่างไรก็ดี ตอนนี้ต้องตั้งหลักใหม่ และอาจจะต้องยกการ์ดสูงขึ้น เพื่อที่จะผ่านภาวะความผันผวนไปให้ได้

ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ จำกัด มองว่า สำหรับหุ้นที่ผมคิดว่ามีแนวโน้มที่จะปรับตัวอัพเพอร์ฟอร์มกับตลาดจะเป็นหุ้นที่อ่อนไหวกับภาวะเศรษฐกิจค่อนข้างน้อย และก็สามารถป้องกันเงินเฟ้อได้ หุ้นในกลุ่มพลังงาน แต่ว่าเน้นพลังงานต้นน้ำน่าจะดีกว่า ก็น่าจะเป็นตัวที่สามารถจะต่อสู้กับภาวะความผันตัวของตลาดตรงนี้ได้ อีกกลุ่มหนึ่งจะเป็นสินค้าที่จำเป็น อย่างเช่นกลุ่ม โรงพยาบาล เพราะว่าโรงพยาบาลจะได้ประโยชน์จากเรื่องของการเรียลเพลนนิ่ง การเปิดประเทศ และตอนนี้น่าจะมีความสามารถในการกำหนดราคาด้วย เป็นสินค้า อันนี้ก็ถือว่าเป็นกลุ่มที่น่าจะแข็งกว่าตลาด

ขณะที่ ธนาคารเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค ซึ่งเป็นธนาคารชั้นนำระดับโลกจากสหรัฐอเมริกา ประกาศปรับลดน้ำหนักหุ้นไทย จะมีผลกับเม็ดเงินหรือว่าการไหลเข้าของโฟลวในช่วงสัปดาห์นี้หรือไม่นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล เผยว่า ต่างชาติ ยังมีแนวโน้มขายสุทธิอยู่ แต่ว่าคงจะไม่ได้มากมาย เพราะว่าช่วงนี้หุ้นไทยยังคาดหวังในเรื่องของการเปิดประเทศในช่วงครึ่งปีหลังได้

ทั้งนี้ ในสัปดาห์นี้ต้องจับตาเรื่องของการลงทุนจากต่างประเทศคือจะมีการประกาศทบทวนดัชนี เอ็มเอสซีไอ วันที่ 12 พ.ค. อาจจะมีหุ้นไทยบางตัวได้รับการคัดเลือกเข้าไปในดัชนีรวมถึงอาจจะมีลุ้นที่จะมีการปรับน้ำหนักขึ้นด้วย เพราะในช่วงหกเดือนที่ผ่านมา หุ้นไทยเอ้าเพอร์ฟอร์มกับหุ้นโลก เราถูกลดน้ำหนักมาตลอด ก็คงจะไม่ได้มีผลในแง่ของดาวน์ไซส์เท่าไหร่ แต่ว่าในแง่ของอัพไซส์ ผมคิดว่าให้น้ำหนักมากกว่า