บาทเดินหน้าแข็งค่าต่อ! ค่าเงินบาทเปิดตลาดที่ 36 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าขึ้น

208
0
Share:
บาทเดินหน้าแข็งค่าต่อ! ค่าเงินบาท เปิดตลาดที่ 36 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าขึ้น

นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยภาวะตลาดเงินว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้(24พ.ย.65) ที่ระดับ 36.00 บาทต่อดอลลาร์“แข็งค่าขึ้น”จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 36.27 บาทต่อดอลลาร์ และมองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 35.85-36.15 บาท/ดอลลาร์ จากปัจจัยรายงานการประชุมเฟดล่าสุด ที่ระบุว่าบรรดาเจ้าหน้าที่เฟดต่างสนับสนุนให้ชะลอการเร่งขึ้นดอกเบี้ย รวมถึงรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญสหรัฐฯ อย่าง ดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคการบริการที่ปรับตัวลดลงต่อเนื่องสู่ระดับ 47.6 จุด และ 46.1 จุด ซึ่งแย่กว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ทำให้ผู้เล่นในตลาดยิ่งมั่นใจว่าเฟดจะชะลอการเร่งขึ้นดอกเบี้ยและอาจขึ้นดอกเบี้ยไม่ได้สูงมากนัก หากภาพเศรษฐกิจสหรัฐฯ แย่ลงมากขึ้น

นอกจากนี้ แนวโน้มเฟดชะลอการเร่งขึ้นดอกเบี้ยยังคงหนุนให้ผู้เล่นในตลาดเดินหน้าซื้อหุ้นกลุ่มเทคฯ และหุ้นสไตล์ Growth Nvidia +3.0%, Alphabet +1.5% ส่งผลให้ ดัชนีหุ้นเทคฯ Nasdaq ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง +0.99% ส่วนดัชนี S&P500 ปิดตลาด +0.59%

สำหรับแนวโน้มค่าเงินบาท มองว่า ภาวะเปิดรับความเสี่ยงของตลาด คือ ปัจจัยที่ช่วยหนุนการแข็งค่าขึ้นของเงินบาทได้บ้าง เช่นเดียวกับ การปรับตัวขึ้นของราคาทองคำที่อาจหนุนให้ผู้เล่นในตลาดทยอยขายทำกำไร แต่ธนาคารประเมินว่า การแข็งค่าของเงินบาทอาจไม่ได้แข็งค่าจนหลุดโซนแนวรับ 35.80-35.90 บาทต่อดอลลาร์ เนื่องจากในช่วงปลายเดือน บรรดาผู้นำเข้าอาจเริ่มทยอยเข้ามาซื้อเงินดอลลาร์ โดยเฉพาะในจังหวะที่เงินบาทกลับมาแข็งค่าขึ้น นอกจากนี้ แรงขายทำกำไรสินทรัพย์ไทยโดยนักลงทุนต่างชาติก็สามารถเป็นอีกปัจจัยที่จะชะลอการแข็งค่าของเงินบาทได้

อย่างไรก็ดี ควรรอติดตามรายงานข้อมูลการค้าระหว่างประเทศของไทย โดยหากยอดการส่งออกขยายดีตัวกว่าคาด จนทำให้ดุลการค้าขาดดุลน้อยกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ก็อาจช่วยหนุนการแข็งค่าขึ้นของเงินบาทได้ แต่กรุงไทยมองว่า แนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลงชัดเจน อาจทำให้โอกาสที่ยอดการส่งออกของไทยจะขยายตัวได้ดีกว่าคาดนั้น เป็นเรื่องที่ยากพอสมควร ดังนั้น ผู้เล่นในตลาดจึงควรระวังความเสี่ยงที่เงินบาทจะพลิกกลับมาอ่อนค่าลง หากดุลการค้าขาดดุลมากขึ้นตามที่ตลาดคาด หรือ ขาดดุลมากกว่าคาด

ด้านตลาดค่าเงิน ภาวะเปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงินสหรัฐฯ หลังผู้เล่นในตลาดคลายกังวลแนวโน้มการเร่งขึ้นดอกเบี้ยของเฟดมากขึ้น ได้กดดันให้ เงินดอลลาร์อ่อนค่าลงต่อเนื่อง เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก โดยดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ปรับตัวลดลง -0.9% สู่ระดับ 106 จุด ขณะเดียวกัน เงินดอลลาร์ยังเผชิญแรงกดดันจากการกลับมาแข็งค่าขึ้นของเงินยูโร (EUR) และเงินปอนด์อังกฤษ (GBP) หลังรายงานดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคการบริการของยูโรโซนและอังกฤษออกมาดีกว่าคาด

แม้ว่าตลาดการเงินจะเดินหน้าเปิดรับความเสี่ยง แต่การปรับตัวลดลงของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ได้ช่วยหนุนให้ ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค.) รีบาวด์ขึ้น +1.0% กลับสู่ระดับ 1,768 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งการรีบาวด์ของราคาทองคำดังกล่าว อาจมีผู้เล่นบางส่วนทยอยขายทำกำไรทองคำได้ โดยเฉพาะหากราคาทองคำสามารถปรับตัวขึ้นใกล้โซนแนวต้านได้ และโฟลว์ขายทำกำไรทองคำดังกล่าวก็มีส่วนช่วยหนุนการแข็งค่าของเงินบาท

ทั้งนี้ ตลาดคาดว่า การค้าระหว่างประเทศของไทยอาจได้รับผลกระทบจากภาพเศรษฐกิจโลกชะลอตัวลง โดยยอดการส่งออก (Exports) อาจโตเพียง 5.5%y/y ส่วนยอดการนำเข้า (Imports) ยังโตกว่า +10%y/y ทำให้ดุลการค้า (Trade Balance) ในเดือนตุลาคมอาจกลับมาขาดดุลถึง -1.4 พันล้านดอลลาร์