บาทแข็งกระทบ สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือฯ ห่วงบาทแข็งเร็วฉุดส่งออก เสนอแบงก์ชาติคงดอกเบี้ย

207
0
Share:
บาทแข็ง กระทบ สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือ ห่วงบาทแข็งเร็วฉุดส่งออก เสนอแบงก์ชาติคงดอกเบี้ย

นายชัยชาญ เจริญสุข ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย หรือ สรท. เปิดเผยว่า สรท.ได้รับทราบปัญหาการดำเนินธุรกิจจากสมาชิกซึ่งได้รับผลกระทบจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะผู้ผลิตเพื่อส่งออกกลุ่มสินค้าเกษตรและกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรมที่มีสัดส่วนการใช้วัตถุดิบในประเทศในสัดส่วนสูง อาทิ กลุ่มสินค้าผักและผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็ง กระป๋องและแปรรูป ซึ่งสามารถส่งออกเติบโตในปี 2564 ช่วงที่ค่าเงินบาทอ่อนค่า แต่มูลค่าส่งออกกลับมาหดตัวในไตรมาส 3-4 ของปี 2565 และต่อเนื่องถึงไตรมาส 1 ปี 2566 เมื่อค่าเงินบาทเริ่มกลับมาแข็งค่าอย่างรวดเร็ว โดยการแข็งค่าของเงินบาทส่งผลต่อการกำหนดราคาและขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ส่งออกไทยเมื่อเปรียบเทียบกับคู่ค้าคู่แข่งในประเทศที่ค่าเงินอ่อนกว่าไทย

โดยการทำสัญญาซื้อขายในปัจจุบันและตลอดปี 2566 ดังนั้น หากไม่สามารถรักษาเสถียรภาพค่าเงินบาท จะส่งผลให้มูลค่าการส่งออกสินค้าที่มีสัดส่วนการใช้วัตถุดิบในประเทศในสัดส่วนสูงลดลงอย่างมีนัยสำคัญ และส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจในภาพรวมของประเทศ

ดังนั้น คณะกรรมการ สรท. จึงได้พิจารณาข้อเสนอแนะแนวทางบรรเทาปัญหาและช่วยเหลือผู้ประกอบการส่งออก โดยนำเสนอผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยเพื่อพิจารณาดำเนินการแล้ว โดยขอให้คณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง. พิจารณาชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายออกไป เนื่องจากจะส่งผลให้ธนาคารพาณิชย์ปรับขึ้นดอกเบี้ยเงินกู้ ซึ่งเป็นต้นทุนอย่างมีนัยสำคัญต่อผู้ประกอบการทั้งซัพพลายเชน เป็นการซ้ำเติมผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากต้นทุนการผลิตที่ปรับตัวสูงขึ้น เช่น วัตถุดิบ ค่าไฟฟ้า ค่าแรงขั้นต่ำ

ทั้งนี้ ขอให้ ธปท. ดำเนินมาตรการอย่างเข้มข้นเพื่อรักษาเสถียรภาพค่าเงินบาทในระดับ 34-35 บาท/เหรียญสหรัฐฯ หรือไม่แข็งค่าไปกว่าประเทศคู่ค้าและคู่แข่งอย่างมีนัยสำคัญ รวมทั้งกำหนดมาตรการและเครื่องมือในการตรวจสอบ ติดตาม กระแสเงินไหลเข้าประเทศอย่างรวดเร็ว รวมถึงขอความร่วมมือไปยังสถาบันการเงินให้ติดตามข้อมูลการโอนเงินบาทระหว่างบัญชีผู้มีถิ่นฐานนอกประเทศ (Non-resident Baht Account) จากสัญญาณของธุรกรรมการเงินต่างประเทศที่เริ่มมีความหนาแน่นกว่าปกติ

นอกจากนี้อยากให้ธนาคารพาณิชย์ พิจารณาอำนวยความสะดวกแก่ผู้ประกอบการในการเลือกใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยง (Hedging) อาทิ จัดสรรหรือขยายวงเงินสำหรับการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนให้กับผู้ประกอบการ ทั้งในรูปแบบของ Forward และ Option ให้เพียงพอต่อความต้องการในช่วงที่ค่าเงินบาทมีความผันผวน ขยายระยะเวลาในการทำประกันความเสี่ยง โดย สรท.พร้อมร่วมมือกับธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อให้สามารถดำเนินการตามข้อเสนอแนะข้างต้น เพื่อช่วยให้ผู้ส่งออกไทยสามารถแข่งขันในตลาดโลกรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจต่อไปได้