ผลวิจัยชี้วัคซีนจอห์นสันฯ โดสเดียวป้องกันสายพันธุ์เดลตา-แลมบ์ดาได้น้อยลง แนะควรฉีดวัคซีน mRNA กระตุ้นอีก 1 เข็ม

398
0
Share:

หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์รายงานผลการวิจัยล่าสุดวัคซีนของบริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน (J&J) พบว่ามีประสิทธิภาพลดลงอย่างมากในการป้องกันการติดเชื้อจากไวรัสโควิดสายพันธุ์เดลตาและสายพันธุ์แลมบ์ดา ซึ่งบ่งชี้ว่า อาจมีความจำเป็นที่จะต้องฉีดวัคซีนเพิ่มให้กับประชาชนกว่า 13 ล้านคนที่ได้รับวัคซีนของ J&J โดยทีมผู้วิจัยให้คำแนะนำว่า การฉีดวัคซีนโดสที่ 2 ควรใช้วัคซีน mRNA ของไฟเซอร์ หรือวัคซีนของโมเดอร์นา

.
ทางด้าน ดร.นาธาเนียล แลนเดา นักไวรัสวิทยาจาก Grossman School of Medicine มหาวิทยาลัยนิวยอร์กและผู้นำทีมวิจัยครั้งนี้ เปิดเผยว่า ผลวิจัยดังกล่าวอาจทำให้คณะกรรมการอาหารและยา (FDA) ของสหรัฐต้องหันมาทบทวนคำแนะนำที่ว่า ประชาชนในสหรัฐที่ได้รับวัคซีนครบทั้ง 2 โดสแล้ว ยังไม่จำเป็นต้องได้รับการฉีดวัคซีนกระตุ้นภูมิในขณะนี้ แม้ว่าผลวิจัยครั้งนี้จะยังไม่ได้ผ่านการตรวจสอบโดยผู้เชี่ยวชาญ แต่ผลวิจัยที่ออกมานั้นเป็นไปตามที่คาด เนื่องจากวัคซีนของบริษัทอื่นๆ แสดงให้เห็นว่ามีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นเมื่อฉีดครบ 2 โดส

.

ทั้งนี้ ผลวิจัยดังกล่าวขัดแย้งกับผลวิจัยในกลุ่มทดลองเล็กๆที่ J&J เผยแพร่ซึ่งระบุว่า การฉีดวัคซีนของ J&J เพียง 1 โดสก็มีประสิทธิภาพในการป้องกันเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาได้ แม้จะได้รับการฉีดวัคซีนไปแล้วถึง 8 เดือน