ผู้ว่าชัชชาติเตรียมเก็บค่าตั๋วรถไฟฟ้าไม่เกิน 59 บาท สำหรับ 2 ช่วงต่อขยายสีเขียว

380
0
Share:

นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีสัญญาสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียวว่า จะต้องสรุปความคืบหน้าร่วมกับศาสตราจารย์พิเศษธงทอง จันทรางศุ มาเป็นประธานกรรมการบริหารบริษัทกรุงเทพธนาคม ภายใน 1 เดือน สิ่งสำคัญคือการคิดราคารถไฟฟ้าส่วนต่อขยายส่วนที่ 2 ที่เป็นภาระหนี้ ซึ่งปัจจุบันมีคนใช้อยู่ 27% ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาชั่วคราว

เบื้องต้นคงเป็นไปตามข้อเสนอของสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) ที่ให้เก็บค่าโดยสารไม่เกิน 59 บาท ในส่วนต่อขยายส่วนที่ 2 แบริ่ง-เคหะสมุทรปราการ และห้าแยกลาดพร้าว-คูคต ถึงเวลาที่ต้องจ่ายค่าโดยสาร เพราะเราต้องจ่ายค่าเดินรถเพื่อความยุติธรรม

นายชัชชาติ กล่าวต่อไปว่า ปัจจุบันมีรถไฟฟ้าสายสีเขียวมีหนี้ส่วนต่อขยายราว 100,000 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีหนี้โครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาล แบ่งเป็น หนี้วางระบบขณะที่หนี้ของรัฐบาลเป็นหนี้วางระบบรถ ประมาณ 19,000 ล้านบาท และหนี้ค่าจ้างเดินรถ อีก 13,000 ล้านบาท ซึ่งต้องพิจารณา 2 ส่วน ได้แก่ การคิดอัตราค่าโดยสารที่ไม่ได้ขึ้นมานานหลายปี และการต่อสัญญาสัมปทาน คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในเดือน ก.ค.นี้

นายวิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าฯ กทม. กล่าวว่า ได้ประชุมคณะผู้บริหารบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด (เคที) ตามข้อแนะนำจากการประชุมร่วมกับสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศ (TDRI) เมื่อวันที่ 16 มิ.ย.ที่ผ่านมา เรื่องรถไฟฟ้าสายสีเขียว ซึ่ง TDRI เสนอให้ กทม. เริ่มจัดเก็บค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีเขียวต่อขยายส่วนเหนือ ช่วงหมอชิต-คูคต และส่วนใต้ ช่วงสำโรง-สมุทรปราการ หลังจากเปิดนั่งฟรีมานานแล้ว เพื่อแบ่งเบาภาระหนี้สินค่าจ้างเดินรถที่ต้องจ่ายให้กับบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (บีทีเอส) สำหรับอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีเขียวต่อขยายเก็บ 15 บาท เมื่อรวมกับเส้นทางหลักสัมปทานเก็บได้สูงสุดไม่เกิน 59 บาท

สำหรับอัตราค่าโดยสาร 59 บาท เป็นตัวเลขที่คณะผู้บริหาร กทม. เห็นว่ามีความเหมาะสม ประชาชนน่าจะรับได้ เพราะเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีเขียวต่อขยายไกลพอสมควร ช่วงหมอชิต-คูคต ระยะทาง 19 กม. จำนวน 16 สถานี ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ ระยะทาง 13 กม. จำนวน 9 สถานี ส่วนเรื่องระยะเวลาที่จะเริ่มเก็บ อยากให้เร็วที่สุด เดิมตั้งเป้าจะเริ่มเก็บวันที่ 1 ก.ค.นี้ แต่สำนักการจราจรและขนส่ง (สจส.) แจ้งว่าอาจจะไม่ทัน เพราะต้องหารือกับบริษัทบีทีเอส เนื่องจากต้องมีการปรับแก้ไขระบบซอฟต์แวร์การคำนวณค่าโดยสารส่วนต่อขยาย