ผู้ว่าแบงก์ชาติส่งสัญญาณจ่อขึ้นดอกเบี้ยแก้เงินเฟ้อพุ่ง
นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ปัจจัยเศรษฐกิจยังมีความไม่แน่นอน ทำให้เศรษฐกิจไทยจำเป็นต้องสร้างกันชน-ภูมิคุ้มกัน ทางเศรษฐกิจ 5 ด้าน ได้แก่เสถียรภาพต่างประเทศ ทุนสำรองประเทศยังสูง ทุนไหลออกไม่ใช่เรื่องน่ากังวลและ เสถียรภาพการคลัง หนี้สาธารณะ ณจุดนี้ยังไม่ใช่เรื่องน่ากังวล / เสถียรภาพการเงิน / เสถียรภาพราคา / กลไกการดำเนินนโยบายที่ดี และสุดท้ายปัญหาเงินเฟ้อ จากเดิมที่เคยต่ำมากจนไม่จำเป็นต้องสนใจ แต่หลังเกิดเหตุสงครามยูเครน-รัสเซีย ทำให้เงินเฟ้อพุ่งเกินเป้าและจะไปถึงจุดพีคในไตรมาส 3 ปีนี้ ทำให้กลายเป็นโจทย์สำคัญต่อภาวะเศรษฐกิจ
ปีนี้เศรษฐกิจโต 3.3% และปีหน้า 4.2% ซึ่งเศรษฐกิจไทยกระทบหนักกว่า การฟื้นตัวก็ช้ากว่านื่องจากไทยพึ่งพาการท่องเที่ยว และความเสี่ยงเรื่องเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน โดยเฉพาะหมวดพลังงาน แล้วขยายวงกว้างขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นโจทย์ของนโยบายยังไม่เปลี่ยน คือ ทำอย่างไรก็ได้ให้เศรษฐกิจโตไปได้ต่อเนื่องกลับกันหากไม่ดูแลเรื่องเงินเฟ้อ การมีนโยบายคการเงินที่ผ่อนคลายมากอาจไม่จำเป็นเหมือนในอดีต ซึ่งคณะกรรมการ กนง.กังวลกระทบเรื่องปากท้อง การท่องเที่ยว โดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อย ดังนั้นกลไกการขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอาจเข้ามาช่วยในจุดนี้ได้บางส่วน
ส่วนการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ จะสะท้อนกับกระทบเงินทุนเคลื่อนย้าย ตอนนี้เสถียรภาพเราไม่มีปัญหา สิ่งที่ต้องดูคือเรื่องของการฟื้นตัวเศรษฐกิจ เสถียรภาพการเงิน ดังนั้นการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย ช้าเกินไปก็ไม่ดี เร็วไปก็ไม่ดี ที่ผ่านมานโยบายการเงินเราผ่อนปรนมากหากเทียบกับภูมิภาค ระยะต่อไปจึงต้องค่อยๆ ถอดคันเร่งแล้ว การขึ้นดอกเบี้ยแม้จะส่งผลกระทบต่อประชาชนก็ต้องดูแล แต่ถ้าไม่ทำอะไรผลกระทบต่อประชาชนจะยิ่งหนักเข้าไปใหญ่ เพราะค่าใช้จ่ายในชีวิตของเขาจะเพิ่มขึ้นจากเงินเฟ้อมากกว่าอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น ซึ่งต่างกันถึงประมาณ 7 เท่าตัว
ทั้งนี้ก่อนเกิดโควิด หลายคนประเมินว่าเศรษฐกิจจะโตได้ 3% แต่พอเกิดโควิดเศรษฐติดลบ 6% ถัดมาเจอเรื่องวิกฤต ยูเครน-รัสเซีย จากเดิมเงินเฟ้อคาดไว้ 1% แต่สถานการณ์เงินเฟ้อในปัจจุบันพุ่งไปถึง 6.2% และยังไม่เชื่อว่าปัจจัยที่มากระทบเศรษฐกิจในขณะนี้ จะทำให้เกิดวิกฤติเศรษฐกิจตามมา แต่ยอมรับว่ามีความกังวลในเรื่องของการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวที่เป็นแหล่งรายได้สำคัญ สร้างการจ้างงาน จำนวนมาก หากไม่ฟื้นกลับมาเต็มที่ ก็จะมีปัญหา
