พฤติกรรมเสี่ยง 3 กลุ่มนักลงทุนไทยตลาดเงินดิจิทัล รุ่นใหม่แห่ลงทุนพุ่ง 10 เท่า

346
0
Share:
ลงทุน

นายพงศธร ปริญญาวุฒิชัย ฝ่ายวิจัย สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า จำนวนบัญชีของผู้ซื้อขายในศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลในประเทศไทยเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2565 เพิ่มขึ้นกว่า 10 เท่าจากปี 2563 โดยเพิ่มขึ้นจาก 170,000 บัญชี เป็น 2.5 ล้านบัญชี

ฝ่ายวิจัย ก.ล.ต. จึงได้ทำการศึกษาลักษณะ ทัศนคติ ประสบการณ์ รวมไปถึงพฤติกรรมในการลงทุนของประชาชนชาวไทยที่มีต่อสินทรัพย์ดิจิทัล โดยสำรวจและเก็บข้อมูลต่างๆ ด้วยวิธี Social Intelligence Analytics (SIA) ซึ่งเป็นวิธีที่ทันสมัยและเหมาะกับสถานการณ์ในปัจจุบัน พบว่า 46% เลือกเข้ามาเก็งกำไรระยะสั้น ขณะทีร 33% มองว่าเป็นการลงทุนเพื่อหวังผลตอบแทนในระยะยาว ขณะที่อีก 11% เห็นว่าเป็นแหล่งออมเงิน และ 10% มองว่าเป็นสินทรัพย์ที่สามารถทำเงินได้ง่ายกว่างานประจำที่ทำอยู่

ฝ่ายวิจัย ก.ล.ต. เปิดเผยต่อไปว่า ประชาชนชาวไทยที่ทัศนคติและมุมมองกับสินทรัพย์ดิจิทัลว่า การฝากเงินกับธนาคารก็อาจไม่ปลอดภัยเสมอไป เพราะยังมีข่าวเงินฝากในบัญชีสูญหาย ประกอบกับอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำมาก เมื่อเปรียบเทียบกับการฝากเงินใน Decentralized Finance (DeFi) ในขณะที่ภาพรวมผู้ลงทุนไทยส่วนใหญ่ยังไม่ค่อยมีความรู้ในสินทรัพย์ดิจิทัลมากนัก จึงมักลงทุนตามคำแนะนำของเพื่อน, Influencer, Youtuber หรือกูรูที่เป็นคนดัง ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญ โดยเริ่มแรกคนส่วนใหญ่ที่เข้ามาลงทุนเพราะหวังว่าจะเป็น passive income แต่พอเห็นว่ากำไรดี ได้เงินง่ายจึงเริ่มลงทุนมากขึ้น แม้รู้ว่าสินทรัพย์ที่ลงทุนไปนั้นมีความเสี่ยงสูง

กลุ่มผู้ลงทุนในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลในประเทศไทยสามารถแบ่งได้เป็น 3 กลุ่ม ประกอบด้วย
1.กลุ่มมือใหม่ คือกลุ่มที่มีการศึกษาหาข้อมูลจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ติดตามกราฟของราคารายวัน พยายามหาจังหวะเพื่อเข้าซื้อหรือขายอยู่ตลอด นอกจากนี้ยังมีการควบคุมพอร์ตของตัวเองเพื่อกระจายความเสี่ยงอยู่เสมอ

2.กลุ่มสายซิ่ง คือกลุ่มที่ไม่อยากศึกษาหาความรู้ เลือกที่จะลงทุนตามคำแนะนำจากคนรอบข้าง หรือผู้เชี่ยวชาญ โดยมีลักษณะการลงทุนแบบกล้าได้กล้าเสีย ไม่ค่อยประเมินความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้น และมีความคิดว่าการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลนั้นสามารถทำกำไรได้ง่าย

3.กลุ่มย้ายพอร์ต คือกลุ่มที่เคยลงทุนในตลาดหุ้นมาก่อนและเข้าใจถึงความผันผวนและความเสี่ยงในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล มองว่าการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลนั้นได้ผลตอบแทนที่ดีกว่าเมื่อเทียบกับสินทรัพย์ประเภทอื่น และเริ่มมีการเพิ่มน้ำหนักในการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลมากขึ้น โดยไปลดสัดส่วนการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทอื่น เช่น หุ้น

นายพงศธร ปริญญาวุฒิชัย ฝ่ายวิจัย สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่างว่า ลักษณะที่พบร่วมกันใน 3 กลุ่มนี้ คือ ขาดการกระจายการลงทุนไปในสินทรัพย์ประเภทอื่น โดยให้น้ำหนักการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลเพียงอย่างเดียว หรือมีสัดส่วนการลงทุนที่มากกว่าสินทรัพย์ประเภทอื่น ดังนั้นผู้ลงทุนจึงควรให้ความสำคัญในเรื่องการบริหารพอร์ตอย่างเหมาะสม มีการกระจายความเสี่ยง

ผลสำรวจยังพบด้วยว่าช่วงอายุคนในแต่ละรุ่นมีผลต่อการตัดสินใจในการลงทุนด้วยเช่นกัน คนรุ่นเก่าจะไม่ค่อยสนใจในสินทรัพย์ดิจิทัลเพราะมองว่าความเสี่ยงสูง ไม่สามารถวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานได้ ในทางกลับกัน คนรุ่นใหม่ตั้งแต่รุ่น Gen Y เป็นต้นมา กล้าที่จะลงทุนมากกว่า โดยศูนย์ซื้อขายนั้นมีส่วนที่เปลี่ยนมุมมองต่อสินทรัพย์ดิจิทัลของคนไทย

ถึงแม้ว่าการเติบโตของตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลในประเทศไทยจะมีการเติบโตอย่างมาก แต่จากข้อมูลพบว่า ภาพรวมคนไทยส่วนใหญ่ยังสนใจในหุ้นเป็นหลัก โดยปัจจัยที่ทำให้มีการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลที่เพิ่มขึ้นในช่วงปีที่ผ่านมา คือ การได้ความยอมรับในวงกว้าง (mass adaptation) ของ BTC รวมไปถึงแนวโน้มราคา BTC ที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก