‘พิธา’ ไม่กังวล กกต. ส่อแช่แข็ง 7 ว่าที่ ส.ส.ก้าวไกล พร้อมให้ดูเอกสารเรื่องศาลคดีหุ้น

176
0
Share:
พิธา ไม่กังวล กกต. ส่อแช่แข็ง 7 ว่าที่ ส.ส.ก้าวไกล พร้อมให้ดูเอกสารเรื่องศาลคดีหุ้น

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณี ส.ส. 71 คน ซึ่งในจำนวนนี้มี ส.ส.พรรคก้าวไกล 7 คน ที่ กกต. ยังไม่รับรองเนื่องจากมีเรื่องร้องเรียนว่าเบื้องต้นได้รับทราบข้อมูลหรือไม่ว่ามีกรณีร้องเรียนอย่างไร ทราบเพียงข้อเท็จจริงจากสื่อมวลชนว่ายังไม่รับรองทั้งหมด 71 คนและเป็นของพรรคก้าวไกล 7 คน ของพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลทั้งหมดประมาณ 30 คน อีก 41 คน เป็นของฝ่ายค้าน อันนี้คือข้อเท็จจริงที่รู้ ณ ตอนนี้ แต่ในส่วนของพรรคก้าวไกลทั้ง 7 คน ก็ไม่มีใครทราบเหตุผล และกกต.จังหวัดก็ไม่ทราบเหตุผลเช่นเดียวกัน และต้องรอให้เป็นกระบวนการของทาง กกต. ต่อไป

เมื่อถามว่ากรณีที่เกิดขึ้นจะมีผลต่อการจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า คิดว่าไม่น่าจะมี อย่างที่วิเคราะห์ให้ฟังว่า 71 คนเป็นฝั่งของเรา 30 คน เป็นฝั่งที่ไม่ได้เป็นรัฐบาล 41 คน เพราะฉะนั้นฝั่งของเราก็จำนวนไม่ได้เยอะ แต่ละในพื้นที่คิดว่าถ้าได้ทราบถึงเหตุและผลก็น่าจะชี้แจงได้ทุกกรณี ตรงนี้จึงไม่น่าจะมีอะไรเป็นที่น่ากังวลใจและทำให้การจัดตั้งรัฐบาลสะดุดได้

ส่วนเรื่องตำแหน่ง”ประธานสภา”นั้นมีความคืบหน้า และรอดูจังหวะเวลาว่าในช่วงที่มีการเปิดสมัยประชุมสภา และต้องเลือกประธานสภา จังหวะที่เหมาะสมคงจะเป็นช่วงนั้น แต่ก็เรียนได้ว่ามีความคืบหน้าพอสมควร

ขณะที่กรณีมีการมองว่าถ้าตำแหน่งประธานสภาเป็นของพรรคเพื่อไทยการจัดตั้งรัฐบาลของก้าวไกลอาจจะยากขึ้น นายพิธา กล่าวว่าคิดว่าตำแหน่งประธานสภาเป็นตำแหน่งที่สำคัญ แต่ว่ามันก็มีหลายปัจจัยที่ต้องคิดถึงคำนึงถึงความเป็นกลางของเพื่อนสมาชิกด้วยกันทุกคน เพราะฉะนั้นเรื่องนี้มันก็คงไม่ได้เกี่ยวข้องกับการจัดตั้งรัฐบาลอะไรเท่าไร

อย่างไรก็ตาม นายพิธา กล่าวด้วยว่า อยากจะให้ความมั่นใจกับพี่น้องประชาชนที่เลือกพรรคเรามาว่าการจัดรัฐบาลตอนนี้ก็มีความคืบหน้าไปเรื่อยๆ คณะทำงานก็ยังทำงานกันอย่างเต็มที่ และพูดคุยถึงปัญหาของพี่น้องประชาชนในหลายๆ เรื่อง เช่น วันนี้มีเรื่องเกี่ยวกับน้ำประปามา ซึ่งได้มอบหมายให้คณะทำงานในฝ่ายเศรษฐกิจ ในฝ่ายของการลดความเหลื่อมล้ำให้ไปศึกษาเบื้องต้นแล้ว ดังนั้นการเดินหน้าในการแก้ไขปัญหาของพี่น้องประชาชนก็ยังเป็นวาระสำคัญ แน่นอนมันมีขวากหนามมีเรื่องเกี่ยวกับการเมืองมาเกี่ยวข้องเล็กน้อย ซึ่งเรื่องนั้นก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคอะไร ทุกอย่างสามารถที่จะชี้แจงได้ด้วยหลักฐานและข้อกฎหมายก็ไม่ได้มีอะไรทีน่ากังวลใจแต่อย่างใด

ขณะที่กรณี ป.ป.ช.ระบุถึงเอกสารที่ศาลสั่งให้นายพิธาเป็นผู้จัดการมรดกอาจจะนำไปสู่การสู้คดีเรื่องหุ้นไอทีวีได้หรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า อันแรกที่เลขาธิการ ป.ป.ช. บอกว่าตนได้ยื่นแล้วก็เป็นไปตามที่เลขาฯ ป.ป.ช.ได้พูดมา ส่วนในเรื่องคดี กกต. ก็อย่างที่เคยได้ให้สัมภาษณ์ว่ายังไม่ได้เห็นว่ากกต.สงสัยหรืออยากพิจารณาประเด็นอะไร ถ้าเขาเสนอมาตรงนั้นก็จะได้ตอบสนองให้ตรงกับประเด็นที่ทาง กกต. ตั้งเรื่องมา แต่ทุกวันนี้ก็ยังไม่มีการตั้งเรื่องจากกกต. ก็ไม่ได้มีความรู้สึกหวั่นไหวอะไร ไม่ได้มีความกังวลอะไร ทุกครั้งที่มีการพูดคุยกันเลขาฯ ป.ป.ช. ก็ได้พูด 2-3 ครั้งว่าตนค่อนข้างที่จะมีความรัดกุมในการเตรียมเอกสารยื่นกับ ป.ป.ช. ตั้งแต่การมาเป็นส.ส.สมัยแรก ในสมัยพรรคอนาคตใหม่

สำหรับกรณีหุ้นไอทีวีจะมีการฟ้องกลับใครบ้างหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า ตอนนี้คณะทำงานทางกฎหมายของพรรคก็รวบรวมข้อมูลมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลที่ปรากฏหรือไม่ปรากฏอยู่บนหน้าสื่อ ที่มีผู้หวังดีที่เกี่ยวข้องได้ส่งมาให้เรื่อยๆ เราก็รวบรวมข้อมูลไว้ ในส่วนว่าจะดำเนินคดีหรือไม่นั้นยังไม่ได้เป็นปัจจัยที่ตัดสินใจกันตอนนี้ แต่ถามว่ามีการสะสมข้อมูลหรือความไม่ชอบมาพากลหรือไม่ ก็ตามกระบวนการที่มีพี่น้องประชาชนหวังดีคอยส่งข้อมูลมาให้ทางเราทั้งที่อยู่เบื้องหน้าและเบื้องหลังสื่อมวลชน เดี๋ยวค่อยตัดสินใจอีกทีหนึ่ง

นอกจากนี้ นายพิธา ยังย้ำว่าไม่มีความกังวลประเด้นหุ้นไอทีวี ถ้าการตัดสินเป็นไปอย่างเที่ยงธรรม บริสุทธิ์ ยุติธรรม ตามหลักไม่ว่าจะเป็นศาลฎีกา ศาลรัฐธรรมนูญ หรือศาลอาญา ตนมั่นใจว่าเราสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้แน่นอน