พุ่งได้อีก ! อินโตอร์โกลด์ มองเงินบาทอ่อน ดันราคาทองไทยพุ่งสวนตลาดโลก ลุ้น 36 บาทต่อดอลล์ ดันทองไทยมีโอกาสแตะ 31,100 บาท

401
0
Share:

พุ่งได้อีก ! อินโตอร์โกลด์ มองเงินบาทอ่อน ดันราคาทองไทยพุ่งสวนตลาดโลก ลุ้น 36 บาทต่อดอลล์ ดันทองไทยมีโอกาสแตะ 31,100 บาท

อินเตอร์โกลด์ (InterGOLD) เปิดเผยบทวิเคราะห์ราคาทองคำว่า ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2565 จะพบว่าค่าเงินบาทอ่อนค่าอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้ส่งออกเริ่มกลับมายิ้มได้ รวมถึงนักลงทุนทองคำก็เช่นกัน ค่าเงินบาทช่วยพยุงราคาทองคำไทยสวนทางสถานการณ์ทองคำต่างประเทศที่ลงกว่า 100 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำไทยกลับพุ่งสูงขึ้นยืนอยู่ระดับ 30,150 บาทต่อบาททอง

โดยค่าเงินบาทมีอิทธิพลต่อนักลงทุนทองคำในประเทศอย่างมาก คำถามคือเงินบาทจะอ่อนค่าไปอีกนานแค่ไหน และส่งผลให้ทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นได้อีกเท่าไร

ทั้งนี้อินเตอร์โกลด์มองปัจจัยสำคัญหลักๆในตอนนี้ที่ทำให้ราคาทองคำไทยพุ่งสูง มาจากการอ่อนค่าของสกุลเงินบาทล้วนๆ จากสถานการณ์ที่เริ่มเห็นสัญญาณเศรษฐกิจถดถอยรุนแรงของสหรัฐฯ ประกอบกับธนาคารกลางสหรัฐฯ(Fed) เดินหน้าขึ้นอัตราดอกเบี้ย ส่งผลให้สกุลดอลลาร์แข็งค่าขึ้นกดดันเงินบาทอย่างหนัก โดยอินเตอร์โกลด์มองว่ามีโอกาสอย่างสูงที่เงินบาทจะอ่อนค่าไปได้ถึง 36 บาทต่อ 1 USD โดยสาเหตุที่วิเคราะห์ทางเทคนิค ช่วงเดือนมกราคม เส้นสีฟ้าแสดงค่าเงินบาท, เส้นสีเขียวแสดงค่าเงินหยวน และเส้นสีส้มแสดงค่าเงินเยน

จะเห็นว่าค่าเงินบาทของแข็งค่ากว่า 5.3% เทียบกับสกุลเงินหลักของเอเชียในช่วงเวลาเดียวกัน เช่น สกุลเงินเยนของญี่ปุ่นแข็งค่ากว่า 0.7% และหยวนของจีนที่แข็งกว่า 2% เรียกได้ว่าเงินบาทแข็งแกร่งสุดในภูมิภาค สาเหตุจากมีกระแสเงินไหลเข้ามาเก็งกำไรในเอเชียจำนวนมากจากข่าวการเปิดเมืองของจีน โดยประเทศไทยเป็นที่คาดหวังว่าจะได้นักท่องเที่ยวชาวจีนเข้ามามาก เงินทุนจำนวนมากจึงไหลมาเก็งกำไรจากค่าเงินบาท ทำให้ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นส่งผลต่อราคาทองคำถูกกดดันลงไปแตะบริเวณ 29,600 บาทต่อบาททอง ถือเป็นโอกาสในการเข้าซื้อเพราะเงินบาทช่วงนั้นแข็งค่าเร็วเกินไปเมื่อเทียบกับภูมิภาค

สำหรับตอนนี้ค่าเงินบาทกลับมาอ่อนค่าอย่างหนักอีกครั้ง ก็จะเป็นโอกาสที่ดีของนักลงทุนทองคำเช่นกันจากรูปแสดงข้อมูลช่วงเดือนกุมภาพันธ์ เส้นสีฟ้าแสดงค่าเงินบาท, เส้นสีเขียวแสดงค่าเงินหยวน และเส้นสีส้มแสดงค่าเงินเยนหลังจากจบเดือนมกราคม พอเข้าสู่เดือนกุมภาพันธ์ กระแสเงินเริ่มไหลออกจากจีน จะเห็นได้ว่าในฝั่งหุ้นจีนที่มีการขึ้นมารุนแรงในช่วงเดือนมกราคม เริ่มย่อปรับฐานในเดือนกุมภาพันธ์ โดยตลาดกลับมาเล่นข่าวธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้ง จากตัวเลขเงินเฟ้อที่ชะลอตัวได้ไม่ดีนัก ประกอบกับตัวเลขการจ้างงานสหรัฐฯที่ดูไม่แย่เท่าไร ทำให้นักวิเคราะห์คาดกันว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) อาจต้องขึ้นดอกเบี้ยมากกว่าเดิมที่ตั้งใจไว้ ทำให้สกุลเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น ส่งผลให้ค่าเงินในเอเชียอ่อนค่าอย่างต่อเนื่อง

ส่วนสาเหตุที่เงินบาทอ่อนค่ารุนแรงกว่าประเทศอื่นๆในภูมิภาค เพราะก่อนหน้านี้เงินบาทแข็งค่ามากเกินไป ในมุมของแบงก์ชาติเองก็ไม่ชอบให้บาทแข็งกว่าประเทศในภูมิภาค เพราะจะกระทบธุรกิจส่งออก พอถึงช่วงเวลาที่กระแสเงินเริ่มเปลี่ยนทิศทาง จึงเป็นโอกาสดีที่แบงก์ชาติจะตามน้ำ จึงเห็นเงินบาทอ่อนค่ารุนแรงอย่างมากในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา โดยเงินบาทอ่อนกว่า 7.04 %, เยนอ่อนกว่า 4.68 % และหยวนอ่อนกว่า 2.76 % ส่งผลให้ทองคำไทยที่ดูจะซบเซาเมื่อช่วงต้นปี เริ่มได้รับแรงหนุนทำสถิติแตะสูงสุดในรอบ 3 เดือน ที่ระดับ 30,300 บาทต่อบาททอง

อินเตอร์โกลด์แนะกลยุทธ์ในตอนนี้ สำหรับคนที่มีของแล้วให้ถือต่อไป โดยมองว่าค่าเงินบาทจะอ่อนค่าและหนุนราคาทองคำไทยไปได้อีกอย่างน้อย 1 เดือนต่อจากนี้

โดยสรุป อินเตอร์โกลด์มองค่าเงินบาทในระยะถัดไปที่กำลังเข้าสู่ช่วงเศรษฐกิจถดถอยของสหรัฐฯ หากสหรัฐฯเกิดเศรษฐกิจถดถอยรุนแรง โดยธรรมชาติดอลลาร์จะแข็ง ดังนั้นค่าเงินบาทมีโอกาสโดนกดดันต่อจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ทำให้เงินบาทอ่อนต่อได้อีก โดยนักลงทุนทองคำแท่งจะได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทไปเต็มๆ คาดว่าเงินบาทที่ 36 บาทต่อดอลลาร์จะกลับมาอีกครั้งในเร็ว ๆ นี้ จึงมองว่าช่วงสิ้นปีทองคำมีโอกาสขึ้นไปถึงระดับ 2,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เพราะช่วงปลายปีเฟดน่าจะกลับมาลดอัตราดอกเบี้ย หรือทำ QE อีกครั้ง และเงินบาทในตอนนี้ไปจนถึงสิ้นปีนี้มองว่าแข็งค่าขึ้นมาอย่างเต็มจะไม่เกินระดับ 33 บาทต่อดอลลาร์ และการที่ทองคำไทยจะกลับไปยืนเหนือ 31,100 บาทต่อบาททอง ก็เป็นเรื่องที่เป็นไปได้