ภาคอสังหาฯ เตรียมชงรัฐบาลใหม่รื้อเกณฑ์เก็บภาษีที่ดิน ชี้ควรจัดเก็บตามการใช้สอย

304
0
Share:
ภาค อสังหาริมทรัพย์ เตรียมชงรัฐบาลใหม่รื้อเกณฑ์เก็บ ภาษีที่ดิน ชี้ควรจัดเก็บตามการใช้สอย

จากการประกาศใช้กฎหมายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างใหม่ พ.ศ 2562 หลังจากประกาศใช้ผลปรากฎว่าส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการอสังหาฯ ภาระภาษีเพิ่มขึ้น อาทิ บริการสาธารณะของโครงการจัดสรรถูกคิดในอัตราเดียวกับนิคมอุตสาหกรรมคือล้านละ 3,000 บาท รวมทั้งการจัดเก็บไม่สอดคล้องกับบริบทในแต่ละพื้นที่ทำให้การจัดเก็บภาษีลดลง โดยนายอิสระ บุญยัง ประธานคณะกรรมการสมาคมการค้ากลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ออกแบบและก่อสร้าง สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และนายกกิตติมศักดิ์ สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรรกล่าวว่า การกลับมาใช้ภาษีโรงเรือนคงเป็นเรื่องยาก เพราะกฎหมายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างได้ออกประกาศใช้แล้วเพียงแต่ว่าจะปรับปรุงประสิทธิภาพในการใช้ให้เหมาะสมและมีประสิทธิภาพได้มากขึ้นอย่างไร โดยนำเรื่องผังเมืองเข้ามาใช้ประกอบในการจัดเก็บภาษี จากก่อนหน้านี้ทางภาคเอกชนได้นำเสนอไปแต่รัฐบาลไม่ได้นำมาใช้

ในส่วนภาคอสังหาฯอยากให้มีการปรับเปลี่ยนให้บริการสาธารณะต่างๆของโครงการจัดสรรคิดในอัตราของที่อยู่อาศัยคือ ล้านละ 200 บาทไม่ใช่ล้านละ 3,000 บาทเพราะไม่ได้สร้างรายได้ เหมือนกับบริการส่วนกลางของอาคารชุด ไม่ควรใช้อัตราเดียวกับนิคมอุตสาหกรรม นอกจากนี้ควรจะทบทวนสต็อกที่อยู่อาศัยที่ขายไม่หมดภายในระยะ 3 ปี ซึ่งเข้าเงื่อนไขกฎหมายจะต้องถูกจัดเก็บภาษีประเภทพาณิชย์ 0.3% หรือ ล้านละ 3,000 บาทเพราะสุดท้ายต้นทุนนี้ถูกผลักไปที่ผู้บริโภค แต่กรณีที่ซื้อที่ดินมารอการพัฒนา

ด้านนายวิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารและรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ กล่าวว่าจากปัญหาการหลบเลี่ยงภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง เป็นส่วนหนึ่งทำให้เกิดแนวคิดให้รัฐบาลใหม่ทบทวนการใช้ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง โดยล่าสุดทางผู้ว่าฯ กทม. ได้ออกมาแสดงความเห็นว่าควรทบทวน ยกตัวอย่างห้างสรรพสินค้าจ่ายภาษีลดลงจากเดิม เก็บภาษีตามการประเมินค่าเช่า ซึ่งมีมูลค่าสูง กลายเป็นว่าตีจากตัวทรัพย์สินอาคาร

ซึ่งในความเป็นจริงการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างถูกต้องตามหลักสากล แต่การกำหนดเกณฑ์ในการจัดเก็บอาจจะต้องทบทวน หากมองแยกส่วนในแง่ที่ดินเปล่าน่าจะคำนึงถึงประโยน์การใช้สอยในพื้นที่นั้นๆ ถ้าอยู่ในผังเมืองสีแดงอาจจะต้องมีอัตราการจัดเก็บที่สูงขึ้นมาแต่ต้องดูความเหมาะสมด้วย เพราะหากเร่งให้เกิดการพัฒนาโครงการอสังหาฯออกมาสวนทางภาวะเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ ดังนั้นอัตราการจัดเก็บก็ต้องไม่กดดันจนเกินไป

ขณะที่นายนราทร ธานินพิทักษ์ ที่ปรึกษาสมาคมอสังหาริมทรัพย์จังหวัดนครราชสีมา และกรรมการหอการค้าจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า กฎหมายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ที่ส่งผลต่อภาคอสังหาฯ มี 3 เรื่องหลัก เรื่องแรกคือที่ดินที่ค้างอยู่เกิน 3 ปีที่ทำการขออนุญาตจัดสรรแล้ว หรือ อาคารชุดที่ทำการขออนุญาตก่อสร้างแล้ว1ปี พอมีกฎหมายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง กลายเป็นภาระของผู้ประกอบการอสังหาฯ หลังจากที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 เพราะเศรษฐกิจไม่ดีทำให้การขายช้าลงแต่กลับต้องมารับภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเพิ่มขึ้น

นอกจากนี้ยังมีภาษีสิ่งปลูกสร้างเกี่ยวกับบริการสาธารณะ ที่ทำให้กับลูกบ้าน อาทิ คลับเฮ้าส์ ฟิตเนส ซุ้มประตู กลายเป็นภาระให้กับนิติบุคคลของโครงการ ซึ่งปกติแค่ค่าไฟฟ้า ค่าบริการรักษาความปลอดภัยแทบจะไม่พอ ซึ่งกลายเป็นปัญหาและภาระให้กับคนที่อยู่ในโครงการ จึงควรยกเลิกไม่จัดเก็บ และจากแรงกดดันทางภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง จะก่อเกิดปัญหาโอเวอร์ซัพพลายเมื่อเจ้าของที่นำที่ดินมาพัฒนาโครงการซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในอนาคต ซึ่งอยากให้รัฐบาลชุดใหม่ ทบทวน โดยปรับหลักเกณฑ์ให้สอดสอดคล้องกับแต่ละพื้นที่