ยุคอยู่ไม่ง่ายพ่วงเมินแบรนด์ เน้นความเป็นตัวเอง ดันธุรกิจเสื้อผ้าแฟชั่นมือสองโตแซง 3 เท่าของเสื้อผ้าแฟชั่นป้ายแดง

134
0
Share:
ยุคอยู่ไม่ง่ายพ่วงเมินแบรนด์ เน้นความเป็นตัวเอง ดัน ธุรกิจเสื้อผ้า แฟชั่น มือสอง โตแซง 3 เท่าของเสื้อผ้าแฟชั่นป้ายแดง

ศูนย์วิจัย SCB EIC ซึ่งอยู่ในเครือธนาคารไทยพาณิชย์ หรือ SCB เปิดเผยว่า จากนี้ไปอีก 4 ปี ธุรกิจเสื้อผ้าแฟชั่นมือสองจะขยายตัวรวดเร็วกว่าตลาดขายเสื้อผ้าทั่วไปถึง 3 เท่า สำหรับมูลค่าตลาดแฟชั่นมือสองของทั้งโลกจะมีมากกว่า 350,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 13 ล้านล้านบาท และสามารถเติบโตเฉลี่ยปีละ 12 % ตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไปจนถึงปี 2027

เนื่องจากตลาดแฟชั่นมือสอง หรือ Resale Fashion จะกลายเป็นช่องทางให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงแบรนด์ดังในราคาที่รับได้ นอกจากนี้ พฤติกรรมการใช้ชีวิต หรือไลฟ์สไตล์การแต่งตัวของคนรุ่นใหม่ที่แสดงออกถึงความมีเอกลักษณ์ส่วนตัวด้วยการมองหาเสื้อผ้าแฟชั่นมือสอง รวมถึงกระแสสิ่งแวดล้อมที่ช่วยลดการใช้ทรัพยากรและปริมาณขยะจากเสื้อผ้าใช้แล้ว โดยผู้บริโภค 67% มีความเต็มใจที่จะซื้อสินค้ามือสองมากขึ้น และตลาดใหญ่ของสินค้าแฟชั่นมือสองคือเอเชีย

สำหรับประเทศไทย คนไทยยอมรับการซื้อสินค้าแฟชั่นมือสองมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า เครื่องประดับ ส่งผลให้คาดการณ์ว่าในปี 2024 นี้ มูลค่าตลาดแฟชั่นมือสองของประเทศไทยอยู่ที่ 1,800 ล้านบาท และมีแนวโน้มจะขยายตัวต่อเนื่อง 15% ทุกปีเริ่มตั้งแต่ปี 2025 ถึง 2027

ในแง่ช่องทางค้าขายแฟชั่นมือสองที่มีแนวโน้มเติบโตสูง คือ การขายผ่านช่องทางออนไลน์ที่มีศักยภาพในความนิยมเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจนแซงการซื้อจากหน้าร้าน บอสตั้น คอนซัลติ้ง กรุ๊ป เปิดเผยว่าผู้บริโภคที่ซื้อสินค้ามือสองแบบจำนวนไม่มากนั้น จะเลือกซื้อสินค้ากลุ่มกระเป๋าและรองเท้าเป็นหลัก นอกจากนี้ ให้ความสำคัญสินค้าแบรนด์เนมลักชัวรี่มือสองที่มีคุณภาพดี และมีราคาสูง ส่วนกลุ่มที่ซื้อสินค้าแฟชั่นมือสองจำนวนมาก จะเน้นซื้อเสื้อผ้าที่ราคาไม่สูง แต่ทำให้ซื้อสินค้าประเภทนี้ได้บ่อย

แบรนด์เหล่านี้ใช้ 2 วิธีการ คือ 1.เก็บรวบรวมสินค้าแฟชั่นมือสองของแบรนด์ตัวเองจากลูกค้า และนำไปวางขายเป็นสินค้ามือสองโดยตรงภายในร้านค้าหรือแพลตฟอร์มออนไลน์ของร้านค้า และอีกวิธี คือ แบรนด์ร่วมมือกับแพลทฟอร์มออนไลน์เพื่อขายสินค้าแฟชั่นมือสองที่ได้รับการรับรองจากทางแบรนด์