ยูเคติดโควิดรายใหม่กว่า 88,000 มากเป็นประวัติการณ์ แถมติดโอไมครอนมากที่สุดในโลก

357
0
Share:
โควิด

ระบบบริการสาธารณสุข สหราชอาณาจักร หรือ NHS เปิดเผยว่า ในช่วง 24 ชั่วโมงผ่านมาถึงเมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2564 พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 88,376 ราย ทำสถิติยอดติดเชื้อรายวันมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่เป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน หรือนับตั้งแต่เกิดโรคระบาดโควิด-19 ในยูเคเป็นต้นมา รวมยอดติดเชื้อสะสมเป็น 11,097,851 ราย อยู่อันดับที่ 4 ของโลก และเป็นอันดับ 1 ของยุโรป สำหรับสถิติติดรายวันมากเป็นประวัติการณ์เดิมเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2564 มีจำนวน 78,399 ราย ขณะที่ผู้เสียชีวิตรายใหม่มี 146 ราย ทำยอดเสียชีวิตสะสมเป็น 146,937 ราย

ศาสตราจารย์คริส วิตตี้ หัวหน้าคณะแพทย์ และที่ปรึกษาคณะปฏิบัติการโรคระบาดโควิด-19 รัฐบาลสหราชอาณาจักร กล่าวว่า สถิติติดเชื้อรายวันมากเป็นประวัติการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งใหม่นี้จะถูกทำลายอีกในช่วง 2-3 สัปดาห์ข้างหน้า โดยส่วนตัวมีความกังวลอย่างมากที่จะเห็นอัตราการเจ็บป่วยเพื่อเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลทั่วสหราชอาณาจักรเพิ่มขึ้น 10% และในจำนวนนี้มี 1 ใน 3 อยู่ในกรุงลอนดอน ดังนั้น จึงอยากเตือนประชาชนให้ระมัดระวังตัวมากที่สุดในช่วงเทศกาลคริสต์มาส และฉลองปีใหม่ โดยไม่ควรเข้าไปปะปนกับคนเป็นจำนวนมาก

ขณะที่ จำนวนผู้ติดเชื้อสายพันธุ์โอไมครอนในสหราชอาณาจักรเมื่อ 24 ชั่วโมงผ่านมาถึงวันที่ 16 ธันวาคม 2564 เพิ่มขึ้น 1,691 ราย ส่งผลให้ยอดติดเชื้อสะสมเป็น 11,708 ราย ทำสถิติมากที่สุดในโลก และของยุโรป โดยมีสัดส่วนมากถึง 48% ของจำนวนผู้ติดเชื้อสายพันธุ์โอไมครอนทั้งโลก

นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน แห่งสหราชอาณาจักร เปิดเผยว่า ขอขอบคุณประชาชนที่ไปรับการฉีดวัคซีนเข็มที่สามรวมสะสมเป็นจำนวนถึง 25,477,345 ราย หน่วยงานสาธารณสุข NHS สหราชอาณาจักร เปิดเผยว่า ทำสถิติการฉีดวัคซีนเข็มที่สามมากที่สุดถึง 2 วันติดต่อกัน โดยเมื่อวานนี้(16) ฉีดเข็มสามได้ถึง 745,183 คน

ผู้เชี่ยวชาญด้านระบาดวิทยาในสหราชอาณาจักร เปิดเผยว่า หากการระบาดของโรคโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนในสหราชอาณาจักรในปัจจุบันมีความต่อเนื่อง จะทำให้ภายในสิ้นเดือนธันวาคมนี้ สหราชอาณาจักรจะมีผู้ติดเชื้อสายพันธุ์โอไมครอนรวมสะสมมากกว่า 1 ล้านคน ขณะที่ในรอบ 24 ชั่วโมงผ่านมา มีจำนวนผู้ติดเชื้อสายพันธุ์โอไมครอนสะสมเป็น 1,265 ราย มากที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลกและของยุโรป

สาเหตุจากประสิทธิภาพของวัคซีนในการป้องกันโรคระบาดโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนลดลงอย่างชัดเจน จากผลการศึกษาผู้ป่วยติดเชื้อสายพันธุ์โอไมครอนจำนวน 581 ราย พบว่าวัคซีนไฟเซอร์ และแอสตร้าเซเนก้ามีประสิทธิภาพลดลงในการป้องกันผู้ป่วยที่แสดงอาการเมื่อเปรียบเทียบกับผู้ติดเชื้อสายพันธุ์เดลต้า

อย่างไรก็ตาม ผลการศึกษาเดียวกันชี้ให้เห็นว่าประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อสายพันธุ์โอไมครอนเพิ่มขึ้นระหว่าง 70-75% ในช่วงแรกของการฉีดเข็มบูสเตอร์ หรือเข็มที่สาม