รถเก๋ง-เอสยูวีค่ายบีเอ็ม 90,000 คันเสี่ยงอันตรายสูง สั่งห้ามขับก่อนเปลี่ยนถุงลมใหม่

171
0
Share:
รถเก๋ง-เอสยูวีค่าย บีเอ็ม 90,000 คันเสี่ยงอันตรายสูง สั่ง ห้ามขับ ก่อนเปลี่ยน ถุงลมนิรภัย ใหม่

บีเอ็มดับเบิลยู เอจี (BMW) บริษัทผลิตรถยนต์ระดับหรูหราจากเยอรมนี เปิดเผยว่า ได้แจ้งให้กับเจ้าของรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูประเภทซีดานและเอสยูวีรวมกัน 90,000 คัน ไม่ให้ขับขี่รถยนต์เพื่อใช้งานแต่อย่างใดจนกระทั่งจะได้รับการเปลี่ยนชิ้นส่วนถุงลมนิรภัยใหม่ เนื่องจากปัญหาถุงลมนิรภัยยี่ห้อทาคาตะที่อยู่ในรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูอาจเกิดความเสี่ยงสูงที่จะระเบิดจากภาวะอุณหภูมิอากาศร้อนจัดและความชื้นสูง

สำนักงานความปลอดภัยการจราจรไฮเวย์แห่งชาติสหรัฐอเมริกา หรือ NHTSA เปิดเผยว่า ปัญหาถุงลมนิรภัยในรถยนต์ดังกล่าวซึ่งเกิดขึ้นกับรถยนต์ยี่ห้อบีเอ็มดับเบิลยู และยี่ห้ออื่นๆมากมายนั้น ส่งผลให้มีการเรียกคืนรถยนต์เป็นจำนวนมากครั้งประวัติการณ์ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งส่งผลกระทบรถยนต์ถึง 34 ยี่ห้อ นอกจากนี้ ข้อมูลอุบัติเหตุรถยนต์ในสหรัฐอเมริกา พบว่า ผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 25 ราย และผู้ได้รับบาดเจ็บกว่า 400 ราย ในสหรัฐอเมริกา มีสาเหตุเชื่อมโยงกับปัญหาถุงลงนิรภัยที่บกพร่อง

สำหรับรถยนต์ยี่ห้อบีเอ็มดับเบิลยูที่พบปัญหาจำนวน 90,000 คัน ประกอบด้วย รุ่นซีรี่ย์ 3 รหัสตัวถัง E46 รวมถึงเวอร์ชั่น M3 ที่ผลิตระหว่างปี 2000-2006 รุ่นซีรี่ย์ 5 รหัสตัวถัง E39 รวมถึงเวอร์ชั่น M5 ที่ผลิตระหว่างปี 2000-2003 รุ่นเอสยูวี X5 รหัสตัวถัง E53 รวมถึงเวอร์ชั่น M3 ที่ผลิตระหว่างปี 2000-2004 นอกจากนี้ ยังครอบคลุมไปถึงรุ่นซีรีย์ 1, X1, X3, X5 และ X6

ทาคาตะ ผู้ผลิตอุปกรณ์และระบบถุงลมนิรภัยชื่อดังระดับโลกจากประเทศญี่ปุ่น ต้องตกอยู่ในสถานะล้มละลายเมื่อปี 2017 จากวิกฤตความบกพร่องของถุงลมนิรภัยที่ผลิตให้กับค่ายรถยนต์ทั่วโลก วิกฤตดังกล่าวนำไปสู่การสอบสวนครั้งแรกในช่วงแรกของทศวรรษ 2000

ทั้งนี้ บริษัททาคาตะได้รับการตัดสินมีความผิดของศาลในคดีอาญา และยินยอมจ่ายค่าเสียหายรวมมูลค่า 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 34,000 ล้านบาทในปี 2017 ในจำนวนดังกล่าวต้องจ่ายชดใช้ให้กับค่ายรถยนต์เป็นจำนวน 850 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 28,900 ล้านบาท