รมว.คลังชี้ไทยอาจไม่ต้องกู้เพิ่มถึง 6 แสนล้านบาทในปีงบ 64

625
0
Share:

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า การที่เศรษฐกิจไทยสไลด์ตัวลงในช่วงสถานการณ์โควิด-19 เป็นเรื่องที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อน แต่จะเห็นได้ว่าในปัจจุบันเศรษฐกิจไทยเริ่มเห็นการฟื้นตัวที่ดีขึ้นอย่างช้าๆ จากที่ก่อนหน้านี้กิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศถูกล็อกดาวน์จากปัญหาการระบาดของไวรัสโควิด ส่วนความชัดเจนของเรื่องการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยจะเป็นในรูปแบบใดนั้น คงต้องรอการแถลงอย่างเป็นทางการจากสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ ในสัปดาห์หน้า
.
วิกฤติโควิดครั้งนี้ หากเทียบกับวิกฤติต้มยำกุ้งในปี 40 จะพบว่า ในปี 40 ปัญหามาจากระบบสถาบันการเงินเป็นหลัก ผลกระทบจากระดับบนลงสู่ระดับล่าง สภาพคล่องหาย เงินสดหาย แต่สถานการณ์โควิดวันนี้ส่งผลกระทบไปทั่วประเทศ และเป็นผลกระทบจากฐานล่างขึ้นมาเรื่อยๆ จนทำให้เงินสดและสภาพคล่องหายไป ยิ่งเจอมาตรการล็อกดาวน์ ก็ทำให้กิจกรรทางเศรษฐกิจในประเทศหยุดชะงักไป 3-4 เดือน ซึ่งต่างจากปี 40 ที่กิจกรรมทางเศรษฐกิจขับยังเคลื่อนต่อไปได้
.
แต่วันนี้ มองว่าสถานการณ์ต่างๆ ได้เริ่มคลี่คลายดีขึ้น ซึ่งจะเห็นได้จากดัชนีทางเศรษฐกิจหลายตัว นอกจากนี้กำลังซื้อจากภาคการเกษตรเริ่มดีขึ้น ประกอบกับมาตรการภาครัฐที่เข้ามาช่วยเหลือในเรื่องกำลังซื้อของประชาชน ไม่ว่าจะเป็นโครงการเราเที่ยวด้วยกัน โครงการคนละครึ่ง และโครงการช็อปดีมีคืน
.
แต่ปีงบประมาณ 2564 รัฐบาลจะมีรายได้จากการจัดเก็บภาษีประมาณ 2 ล้านล้านบาท ยังขาดอีกประมาณ 6 แสนล้านบาท ซึ่งรัฐบาลก็ต้องกู้เงินมาเพิ่ม ส่วนจะกู้มากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับว่ารัฐบาลจะมีรายได้จากแหล่งอื่นอีกหรือไม่ เพราะตามหลักการแล้วรายได้รัฐไม่ได้มาจากภาษีเท่านั้น แต่ยังมาจากเงินกู้ จากรัฐวิสาหกิจด้วย ซึ่งในปีนี้รัฐบาลก็ขอให้รัฐวิสาหกิจส่งเงินเพิ่ม หลายแห่งอาจจะต้องควักเนื้อ โดยเฉพาะรัฐวิสาหกิจที่มีกำไร หรือเงินจากกองทุนต่าง ๆ เงินจากทุนหมุนเวียน รัฐบาลก็จะมีเงินเหล่านี้เข้ามาช่วยปิดหีบ ดังนั้นเป็นไปได้ว่าปีงบประมาณ 2564 รัฐบาลอาจไม่ต้องกู้เงินถึง 6 แสนล้านบาท อาจจะแค่ 2-3 แสนล้านบาทเท่านั้น
.
นอกจากการใช้เงินผ่านมาตรการต่าง ๆ เพื่อเยียวยาและฟื้นฟูเศรษฐกิจแล้ว รัฐบาลยังมีหน้าที่ในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศด้วย ซึ่งเงินที่จะใช้ดำเนินการในส่วนนี้มาจากการระดมทุนในตลาดทุน และการกู้เงิน โดยรัฐบาลได้พยายามเร่งรัดในส่วนนี้ เพื่อรองรับการลงทุนจากต่างชาติ และการเดินหน้าสู่อุตสาหกรรมเป้าหมายใหม่ ซึ่งจะเป็นอีกทางเลือกในการสร้างรายได้ให้กับประเทศ
.
พร้อมยืนยันว่า แหล่งเงินที่จะใช้ในการดูแลเศรษฐกิจในปีนี้ของรัฐบาลไม่มีปัญหา ฐานะการคลังยังแข็งแกร่ง แต่ปีหน้าอาจจะลำบาก เพราะผู้เสียภาษีจะเจอปัญหาจากผลประกอบการปีนี้ที่ถูกกระทบจากโควิด-19 ซึ่งจะต้องเสียภาษีปีหน้า กระทรวงการคลังได้เตรียมการไว้แล้วว่าปีหน้าจะมีวิธีการหาเงินอย่างไร