รักษาการเลขาธิการกสทช.เผยค่าบริการมือถือทรู-ดีแทคเฉลี่ยถูกลง 12% ลูกค้าต้องถามโปรเอง

532
0
Share:
รักษาการเลขาธิการ กสทช. เผยค่าบริการมือถือ ทรู ดีแทค เฉลี่ยถูกลง 12% ลูกค้าต้องถามโปรเอง

สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (สำนักงาน กสทช.) หลังจากก่อนหน้านี้ มีผู้บริโภคร้องเรียนเกี่ยวกับอัตราค่าบริการและคุณภาพสัญญาณโทรศัพท์มือถือ

นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รักษาการเลขาธิการ กสทช. กล่าวแถลงข่าวเกี่ยวกับมาตรการเยียวยาผู้บริโภค ในเรื่องอัตราค่าบริการ คุณภาพสัญญาณ และแพ็คเกจการให้บริการ หลังการรวมธุรกิจระหว่างระหว่าง บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น (TRUE) และ บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (DTAC) ในประเด็นที่ว่าทรู-ดีแทค ได้มีการปฏิบัติตามมาตรการเฉพาะที่กำหนดให้ลดอัตราค่าบริการเฉลี่ยลง 12% โดยใช้วิธีการเฉลี่ยราคาใหม่ ด้วยการถ่วงน้ำหนักตามจำนวนผู้ใช้บริการในแต่ละรายการส่งเสริมการขาย ภายใน 90 วัน นับตั้งแต่มีการรวมธุรกิจหรือไม่

การลดราคา ไม่ใช่ว่าโปรโมชั่นที่เห็นในท้องตลาด แล้วไปลดลงมา 12% แต่เป็นการลดราคาโดยใช้การเฉลี่ย คือ แพ็กเกจ ไหนที่ประชาชนใช้เยอะ เราก็นำมาเฉลี่ยออกมา ซึ่งเขาก็ทำตามมาตรฐานและเงื่อนไขที่กำหนด แต่สิ่งที่เป็นข่าว เช่นว่า แพ็กเกจ 299 บาท/เดือน หายไป ต้องเรียนว่า จริงๆแล้ว แพ็กเกจนี้ก็ยังอยู่ เพียงแต่ว่า ในส่วนของลูกค้ารายเก่าที่ใช้อยู่นั้น ก่อนครบกำหนด 30 วัน บริษัทจะต้องมี SMS ไปยังลูกค้าว่า แพ็กเกจจะหมด แล้วให้ผู้บริโภคเลือกว่า จะต่อแพ็กเกจเดิม หรือจะเป็นแพ็คเกจใหม่ที่บริษัทออกหรือกำหนด คือ แพ็กเกจของทั้ง 2 บริษัทจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆทุกเดือนตามกลยุทธ์ด้านการตลาดของแต่บริษัท ดังนั้น ผู้บริโภคสามารถเลือกได้ ทรู-ดีแทคไม่ได้บังคับผู้บริโภค ผู้บริโภคสามารถเลือกในสิ่งที่ต้องการได้

ส่วนลูกค้ารายใหม่ ณ วันนี้ ซึ่งไม่ได้เห็นแพ็กเกจ 299 บาท ที่เคยมีในท้องตลาดนั้น ถ้าถามทรู-ดีแทค บริษัทก็จะบอกให้ แต่ถ้าไม่ได้ถาม บริษัทจะโชว์หรือไม่โชว์ตรงไหน ผมก็ไม่ทราบได้ แต่ยืนยันว่ายังมีแพ็กเกจนั้น มีอยู่แน่นอน อันนี้เป็นหลักการขายทั่วๆไป แต่ถ้าถามว่าอัตราเฉลี่ยลดลง 12% หรือไม่ ผมยืนยันว่า ลดลงแน่นอน

นายไตรรัตน์ กล่าวต่อไปว่า ประเด็นคุณภาพสัญญาณ ซึ่งมาตรการเฉพาะกำหนดว่า บริษัทฯจะต้องไม่ลดจำนวนระบบสื่อสัญญาณ (Cell Site) ลงจากเดิม เพื่อรักษาคุณภาพและบริการที่ประชาชนได้รับไม่ต่ำไปกว่าเดิม รวมทั้งต้องรักษาคุณภาพและมาตรฐานการบริการ ตามประกาศ กสทช. เรื่องมาตรการคุณภาพการให้บริการโทรคมนาคมอย่างเคร่งครัดนั้น บริษัทฯไม่ได้ลด Cell Site ลงแต่อย่างใด แต่การเคลื่อนย้าย Cell Site ในบางจุด อาจทำให้มีปัญหาเน็ตช้าได้

เสาโทรคมนาคมก็คือเสา บนเสาก็จะมี Cell Site สิ่งที่ผ่านมาในอดีต คือ บ้านหนึ่งบ้าน มีโทรศัพท์ 3 ยี่ห้อ ทำให้มีเสาสัญญาณรอบบ้าน และมีการร้องเรียนมาโดยตลอด กทช. หรือ กสทช.สมัยนั้น จึงกำหนดมีการแชร์โครงสร้างพื้นฐานหรือใช้โครงสร้างพื้นฐานร่วมกันได้ เมื่อทรูรวมกับดีแทค ก็เช็กว่าพื้นที่บริเวณนั้นๆ เสาที่ทรูมีกับเสาที่ดีแทคมี อันไหนทำให้ครอบคลุมประชาชนได้มากที่สุด

มีบางจุดที่ยุบเสา แต่การยุบเสา ไม่ได้หมายความว่าต้องยุบ Cell Site เพราะเงื่อนไข คือต้องไม่ลด Cell Site จึงโยก Cell Site จากเสาที่ลดมาอยู่อีกเสาหนึ่ง ซึ่งในการเคลื่อนไหว Cell Site นั้น เมื่อวันที่ 18 ธันวาคมผ่านมา ผมตำหนิทรู-ดีแทคไปว่า คุณควรจะบอกผู้บริโภคก่อนที่คุณจะเคลื่อน ฉะนั้นในบางครั้ง บางเวลา บางวัน บางจุด การโทรติดต่อหรือการส่งข้อมูลอาจจะทำให้เน็ตช้าลง เพราะมีการเคลื่อน Cell Site ทั้ง 2 บริษัทก็ยอมรับ

และผมบอกไปว่าตั้งแต่นี้ไป คุณต้องบอกก่อนว่าคุณจะเลื่อน เคลื่อน Cell Site วันไหน แต่ยืนยันว่าขอบเขตที่ครอบคลุมถึงในการบริการตามที่ได้กำหนดไว้เงื่อนไขนั้นไม่ได้ลดลง มาตรฐานที่ว่าถ้าเป็น 4G จะต้องมีคลุมเท่าไหร่ และ 5G จะต้องมี คลุมเท่าไหร่ อันนี้ มีครบตามจำนวนที่ถูกกำหนดไว้ แต่เสานั้นบางครั้งเป็นมลพิษทางสายตาของพวกเรา เพราะเสาเยอะ ก็เอาเสาลงให้ และเป็นการดำเนินการตามขั้นตอน

กรณีหลังควบรวมทรูกับดีแทคแล้ว มีเรื่องร้องเรียนเพิ่มเป็น 600 เรื่อง จากก่อนควบรวมที่มี 500 เรื่องนั้น ในจำนวน 600 เรื่องที่ร้องเรียนเข้ามานั้น พบว่าเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับคุณภาพสัญญาณเพียง 17 เรื่องเท่านั้น ส่วนที่เหลือเป็นเรื่อง SMS กวนใจ การคิดราคาที่มีความไม่เข้าใจไม่ตรงกันระหว่างผู้บริโภคและผู้ประกอบการในแพ็กเกจต่างๆ และข้อมูลส่วนบุคคลที่หลุดออกไป เป็นต้น การควบรวม สำนักงานฯ ไม่ได้เพิกเฉย คอยติดตามเพื่อคุ้มครองผู้บริโภคอยู่แล้ว สิ่งหนึ่งที่สำนักงานฯพูด และกล้ายืนยันว่า อะไรที่ทำให้ผู้บริโภคเดือนร้อน เราไม่เคยคิดจะทำ เราเป็นเรกกูเรเตอร์ ดูแลการแข่งขันให้เกิดความเป็นธรรม ดูแลทั้งผู้บริโภค ผู้ประกอบการ ตลาด เราจะดูทุกอย่าง ไม่มีการเพิกเฉยอย่างแน่นอน เพียงแต่ว่าข้อมูลที่นำไปเปิดเผยนั้น มีการใช้ข้อมูลไปสื่อ แล้วทำให้เกิดความเข้าใจผิดกันได้