รัฐถังแตกจริง!! จึงขอกู้เพิ่ม 2.14 แสนล้านบาท

798
0
Share:

นางแพตริเซีย มงคลวานิช ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ หรือ สบน. เปิดเผยว่า การประชุมคณะรัฐมนตรี หรือ ครม. ที่ประชุมล่าสุด เห็นชอบให้กระทรวงการคลังกู้เงินปีงบ 2563 อีก 2.14 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นการกู้กรณีที่รายจ่ายมากกว่ารายได้
.
พร้อมคาดว่ารายได้จะเก็บได้ต่ำกว่า 9% ของเป้าหมายที่ตั้งไว้ หรือ กว่า 3 แสนล้านบาท และเงินคงคลังอาจจะมีไม่เพียงพอในการใช้จ่ายของประเทศ เนื่องจากเงินคลังเหลือน้อย จึงให้เปิดวงเงินกู้ดังกล่าว
.
โดย สบน. จะประเดิมกู้ส่วนแรก 5 หมื่นล้านบาท โดยการออกเป็นพันธบัตรออมทรัพย์ขายให้ประชาชนทั่วไปในเดือนนี้
.
สำหรับวงเงินกู้ 2.14 แสนล้านบาท เป็นคนละส่วนการกู้เพื่อชดเชยขาดดุลงบประมาณ 2563 จำนวน 4.69 แสนล้านบาท ซึ่งมีการกู้ไปจนเต็มหมดแล้ว
.
นอกจากนี้ตามกฎหมายคลังสามารถกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณได้ 20% ของวงเงินงบประมาณรายจ่าย บวกกับอีก 80% ของต้นเงินชำระเงินกู้ ซึ่งในปี 2563 จะสามารถกู้ได้ 6.38 แสนล้านบาท ซึ่งการกู้เงินเพื่อชดเชยขาดดุล และการกู้กรณีรายจ่ายมากกว่ารายได้จะอยู่ในกรอบกฎหมายดังกล่าว
.
อีกทั้งการกู้เงินเพื่อมาใช้จ่ายกรณีที่รายจ่ายมากกว่ารายได้ในปี 2563 ไม่ได้เป็นครั้งแรกของประเทศที่ทำ โดยเคยกู้เงินลักษณะนี้ในปีที่ไทยจะวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์มาแล้ว เนื่องจากตอนนั้นรายจ่ายมากกว่ารายได้ที่เก็บได้เช่นกัน
.
อย่างไรก็ตาม การกู้เงินเพิ่มกรณีรายจ่ายมากกว่ารายได้ ไม่ได้ส่งผลให้สัดส่วนหนี้สาธารณะมีปัญหา โดยล่าสุดอยู่ที่ 45.83% ของจีดีพี และคาดว่าสิ้นปีงบประมาณนี้จะอยู่ที่ 51-52% ของจีดีพี และสิ้นปีงบประมาณ 2564 อยู่ที่ 57-58% ของจีดีพี
สำหรับการกู้เงินตาม พ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท ขณะนี้คลังกู้ไปแล้ว 3.18 แสนล้านบาท ส่วนที่เหลือคาดว่าจะกู้ในปีงบประมาณ 2564 ตามความต้องการใช้เงินของรัฐบาลในแต่ละโครงการ