รัฐบาลปลดล็อก 10 สายการบินต่างชาติ เปิดเที่ยวบินขาเข้าไทยตั้งแต่กลาง ต.ค.นี้

1738
0
Share:

รายงานข่าวจากกระทรวงคมนาคมแจ้งว่า ปัจจุบันหลังโควิด-19 นอกจากธุรกิจการบินสัญชาติไทย จะหันมาเปิดให้บริการเที่ยวบินภายในประเทศ รวมถึงเปิดให้บริการเที่ยวพิเศษ ในลักษณะเช่าเหมาลำ เพื่อรับคนไทยกลับบ้าน และรองรับผู้จำเป็นที่ต้องเดินทางไปต่างประเทศแล้ว
.
ในส่วนของสายการบินต่างชาติ ที่ผ่านมาได้รับอนุญาตให้เปิดเที่ยวบินพิเศษแบบเช่าเหมาลำ บรรทุกผู้โดยสารขาออกจากประเทศไทย เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวตกค้าง แต่ในขณะนี้ (ตั้งแต่กลางเดือนตุลาคม2563) รัฐบาลเริ่มผ่อนคลายให้บางสายการบินกลับมาเปิดให้บริการเที่ยวบินขาเข้าประเทศไทยได้แล้ว เพื่อรองรับคนไทยกลับบ้าน ต่างชาติที่เข้ามาทำงานและพำนักในไทย ต่างชาติที่มีนัดหมายทางการแพทย์ในไทย ผู้ถือวีซ่านักท่องเที่ยวประเภทพิเศษ (Special Tourist Visa : STV )
.
โดยรัฐบาลได้เปิดให้สายการบินต่างชาติ จำนวน 10 สายการบิน เริ่มทยอยเปิดให้บริการเที่ยวบิน ขาเข้าไทย ได้แล้ว 10 สายการบิน ได้แก่
.
1.สายการบินเอมิเรตส์ เที่ยวบิน EK 384 บินทุกวัน
.
2. สายการบินกาตาร์แอร์เวย์ เที่ยวบิน QR 830 และ QR 836 บินทุกวัน
.

3.สายการบินสายการบินเอทิฮัด เที่ยวบิน EY406บินทุกวัน
.
4.สายการบินสายการบินคาเธ่ย์ แปซิฟิค เที่ยวบิน 653 บิน 4 เที่ยวบิน/สัปดาห์ เริ่มตั้งแต่ 7 ต.ค. 63
.
5.สายการบินสิงคโปร์แอร์ไลน์ เที่ยวบินSQ 976 บิน 3 เที่ยวบิน/สัปดาห์ เริ่มตั้งแต่ 16 ต.ค.
.
6.สายการบินสายการบินลุฟต์ฮันซา เที่ยวบินLH772 บิน 3 เที่ยวบิน/สัปดาห์ เริ่มวันที่ 16 ต.ต.
.
7. สายการบินสวิสอินเตอร์เนชั่นแนลแอร์ไลน์ เที่ยวบิน LX 180 บิน 3 เที่ยวบิน/สัปดาห์ เริ่มตั้งแต่ 17 ต.ค.
.
8.สายการบินออสเตรียนแอร์ไลน์ เที่ยวบินOS 025 บิน3เที่ยวบิน/สัปดาห์ เริ่มตั้งแต่ 17 ต.ค.
.
9. สายการบินอีวีเอแอร์ เที่ยวบินBR 211 บิน2เที่ยวบิน/สัปดาห์ จะเริ่มทำการบินตั้งแต่วันที่ 25 ต.ค. นี้
.
10. สายการสายการบินเคแอลเอ็ม จะเริ่มทำการบินตั้งแต่วันที่ 25 ต.ค.นี้
.
โดยทั้ง 10 สายการบินจะได้ขายบัตรโดยสารและนำผู้โดยสารทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศเดินทางเข้ามายังประเทศไทย ในรูปแบบเที่ยวบินกึ่งพาณิชย์ (Semi-Commercial flight) โดยผ่านแนวทางการบริหารจัดการพื้นที่กักกันโรคแห่งรัฐ ในรูปแบบ Alternative State Quarantine(ASQ) คือการกักตัวผู้เดินทางทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่เข้ามาในราชอาณาจักร โดยใช้สถานประกอบการธุรกิจโรงแรม หรือสถานที่ที่รัฐกำหนดให้เป็นสถานที่กักกัน เพื่อการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรคโควิด-19 เป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 14 วัน โดยยินยอมชำระค่าใช้จ่ายเองทั้งหมดระหว่างกักกันตนโดยสมัครใจ
.
ทั้งนี้ผู้โดยสารที่เดินทางเข้าประเทศไทย ต้องแสดงเอกสารประกอบดังต่อไปนี้
.
ใบรับรองแพทย์ที่ยืนยันว่ามีสุขภาพเหมาะสมต่อการเดินทางทางอากาศ (Fit-to-Fly health certificate) โดยการออกใบรับรองแพทย์ต้องมีระยะเวลาไม่เกิน 72 ชั่วโมง ก่อนออกเดินทาง
.
การตรวจหาเชื้อโควิด-19 (COVID-19) ด้วยวิธี RT-PCR โดยมีผลการตรวจเชื้อที่ระบุว่าเป็นลบ (negative) หรือ ปราศจากการติดเชื้อ โดยผลการตรวจต้องมีระยะเวลาไม่เกิน 72 ชั่วโมง ก่อนออกเดินทาง
.
ส่วนผู้โดยสารที่จะเดินทางเข้าไทยได้ จะต้องเป็นไปตามข้อกำหนดของรัฐบาล ได้แก่ผู้มีสัญชาติไทย,ผู้มีเหตุยกเว้น โดยได้รับอนุญาตหรือเทียบเชิญจากนายกรัฐมนตรี หรือหัวหน้าเจ้าหน้าที่ราชการระดับสูง,นักการทูต และเจ้าหน้าที่องค์การระหว่างประเทศ,บุคคลในครอบครัวของผู้มีสัญชาติไทย,ผู้ไม่มีสัญชาติไทย ซึ่งมีใบสำคัญถิ่นที่อยู่ในประเทศไทย (Certificate of Residence Holders),ผู้มีใบอนุญาตทำงานตามกฎหมาย,นักเรียน หรือนักศึกษา,บุคคลต่างชาติ ซึ่งมีความจำเป็นต้องเข้ามารับการตรวจรักษาพยาบาลในประเทศไทย,บุคคลต่างชาติตามข้อตกลงพิเศษ (Special Arrangement)
.
รวมถึงผู้ไม่มีสัญชาติไทยที่ได้รับอนุญาตให้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรตามข้อตกลงพิเศษกับต่างประเทศ หรือผู้ที่ได้รับอนุญาตจากนายกรัฐมนตรี อันได้แก่ผู้ถือวีซ่าประเภทคนอยู่ชั่วคราวพิเศษ (สมาชิกบัตรเอกสิทธิ์พิเศษ Thailand Elite),ผู้ถือวีซ่าประเภทคนอยู่ชั่วคราวเพื่อการพำนักอาศัยในประเทศไทยระยะยาว (Non-Immigrant รหัส O-A / O-X),ผู้ถือบัตร APEC (สำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางจาก 8 เขตเศรษฐกิจที่เดินทางมาจากเขตเศรษฐกิจของตนเอง ได้แก่ นิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย สิงคโปร์ มาเลเซีย เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น จีน และฮ่องกง),ผู้ถือวีซ่าประเภทนักท่องเที่ยวพิเศษ (Special Tourist Visa: STV)

.