รัฐมนตรีคลังจ่อเปิดทาง-ติดดาบแบงก์ชาติเข้าร่วมกำกับเข้มวงการคริปโตในไทย

539
0
Share:

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ กล่าวว่า จะมีการแก้ไขกฎเกณฑ์การกำกับดูแลตลาดและธุรกิจสินทรัพย์คริปโทเคอร์เรนซีในประเทศไทย โดยการนำธนาคารแห่งประเทศไทย หรือแบงก์ชาติ เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งด้วยการมีอำนาจในการกำกับดูแลที่เข้มข้นมากขึ้น ในขณะที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. ซึ่งเป็นองค์กรที่มีอำนาจเต็มในการกำกับดูแลธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์คริปโทเคอร์เรนซี ซึ่งก่อตั้งขึ้นด้วยกฎหมายรองรับเมื่อปี 2018 นั้น จะได้รับมอบหมายให้เป็นองค์กรนำในการปรับปรุงยกเครื่องการกำกับดูแลสินทรัพย์คริปโทเคอร์เรนซีในไทย

ด้านสำนักข่าวบลูมเบิร์ก เปิดเผยว่า การเคลื่อนไหวของรัฐมนตรีกระทรวงการคลังในครั้งนี้ เป็นผลมาจากหน่วยงานที่ได้รับหน้าที่และความรับผิดชอบโดยตรงซึ่งมีกฎหมายรองรับการทำงานในการกำกับดูแลธุรกิจสินทรัพย์คริปโทเคอร์เรนซีในไทย ถูกวิพากษ์วิจารณ์และถูกมองว่าไม่มีการจัดการแก้ไขปัญหาอย่างทันทีเพื่อปกป้องนักลงทุนที่ได้รับความเสียหายจากการลงทุนในซิปเม็กซ์ ไทยแลนด์ ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มซื้อขายเงินคริปโทเคอร์เรนซีในประเทศไทย ทำให้นักลงทุนไทยจำนวนมากกว่าหลายร้อยคนเสียหายจากการลงทุนกับซิปเม็กซ์เป็นมูลค่ากว่า 600 ล้านบาท

รัฐมนตรีกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ปัจจุบันธนาคารแห่งประเทศไทยไม่มีช่องทางที่จะเข้าไปอยู่ในกรอบการกำกับดูแลสินทรัพย์คริปโทเคอร์เรนซี ทำได้เพียงแค่แจ้งบอกกล่าวสินทรัพย์คริปโทเคอร์เรนซีไม่เครื่องมือ หรือวิธีการชำระเงินสำหรับสินค้าและบริการ ดังนั้นกรอบการกำกับดูแลไม่มีความชัดเจนมากพอในการกำกับดูแลทั้งอุตสาหกรรมสินทรัพย์คริปโตเคอร์เรนซี

ข้อมูลล่าสุด พบว่า จำนวนบัญชีเปิดการซื้อขายเงินคริปโทเคอร์เรนซีในประเทศไทยลดต่ำลงมาอย่างมากมายเหลือเพียง 230,000 บัญชี จากที่เคยมีจำนวนบัญชีเปิดซื้อขายสูงถึง 700,000 บัญชีเมื่อเดือนธันวาคมปี 2564

ทั้งนี้ ซิปเม็กซ์ ไทยแลนด์ เจอวิกฤตสภาพคล่องจากการนำเงินของนักลงทุนไทยไปลงทุนในบริษัทแม่ที่ประเทศสิงคโปร์ ในขณะที่ซิปเม็กซ์ แคปปิตอล สิงคโปร์ เกิดวิกฤตสภาพคล่องอย่างรุนแรงจากสภาวะตลาดเงินคริปโทเคอร์เรนซีตกต่ำอย่างรุนแรงตั้งแต่ต้นปีนี้ ส่งผลให้ต้องประกาศยุติบริการการทำธุรกรรมทุกอย่าง และร้องต่อศาลขอพิทักษ์ทรัพย์สินทั้งหมดในประเทศสิงคโปร์