รับแล้ว! แบงก์ชาติชี้แนวโน้มตั้งรัฐบาลล่าช้า ถือว่าเป็นความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจไทย

197
0
Share:
รับแล้ว! แบงก์ชาติ ธนาคารแห่งประเทศไทย ชี้แนวโน้ม ตั้งรัฐบาล ล่าช้า ถือว่าเป็นความไม่แน่นอนของ เศรษฐกิจไทย

นายปิติ ดิษยทัต เลขานุการ คณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง. เปิดเผยว่า การจัดตั้งรัฐบาลที่มีแนวโน้มล่าช้า ถือว่าเป็นความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจไทย ทั้งเวลาในการจัดตั้งรัฐบาล และนโยบายของรัฐบาลที่มีความไม่แน่นอนสูง โดยหากยิ่งทอดออกไปไกลมากขึ้นจะยิ่งไม่ดีต่อการลงทุนและกิจกรรมเศรษฐกิจ เพราะทุกภาคส่วนหวังว่ากระบวนการนี้จะดำเนินการได้อย่างรวดเร็ว

โดยมองว่าหากล่าช้าจะกระทบโดยตรงต่อการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐที่คาดว่าจะล่าช้ากว่าเดิมไปถึง 2 ไตรมาส จากเดิมคาดว่าจะล่าช้าเพียง 1 ไตรมาสเท่านั้น และกระทบต่อโครงการลงทุนใหม่ ที่จะชะลอออกไป แม้สัดส่วนต่อจีดีพีไม่มาก แต่อาจกระทบต่อการลงทุนเอกชน และการลงทุนโดยตรง FDI ที่มาจากต่างประเทศไทยได้ ที่จะเป็นตัวแปรที่กระทบเศรษฐกิจไทย ดังนั้นเหล่านี้ต้องติดตามความชัดเจนต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง. วานนี้ (2 ส.ค.) มีมติเอกฉันท์ขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25% สู่ระดับ 2.25% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 9 ปีนับจากเดือน มี.ค. 2557 หลังจากเศรษฐกิจไทยกำลังฟื้นตัวกลับสู่ระดับศักยภาพ นโยบายการเงินจึงควรดูแลให้เงินเฟ้ออยู่ในกรอบเป้าหมายอย่างยั่งยืน และช่วยเสริมศักยภาพเศรษฐกิจการเงินในระยะยาว โดยการป้องกันการสะสมความไม่สมดุลทางการเงินที่เกิดจากดอกเบี้ยที่อยู่ต่ำเป็นเวลานาน รวมถึงการรักษาขีดความสามารถของนโยบายการเงินในการรองรับความไม่แน่นอนในระยะข้างหน้าที่อยู่ระดับสูง

ทั้งนี้ยังต้องติดตาม 3 ปัจจัย คือเศรษฐกิจโลกที่มีความผันผวนมากขึ้น แม้เศรษฐกิจสหรัฐจะดีกว่าคาดไว้ แต่เศรษฐกิจจีนและอียูปรับตัวลดลงพอสมควร สะท้อนความไม่แน่นอนที่ยังมีต่อเนื่อง ถัดมา คือความไม่แน่นอนทางการเมืองจากการจัดตั้งรัฐบาล และนโยบายภาครัฐที่จะออกมารูปแบบไหน ที่มีความไม่แน่นอนมากขึ้น และสุดท้ายคือแอลนีโญที่รุนแรงกว่าคาดไว้ โดย กนง. มองว่าสถานการณ์อาจถอดยาวมากขึ้น ส่งผลกระทบต่อเงินเฟ้อ ดังนั้นปัจจัยเหล่านี้ต้องติดตามใกล้ชิด

อย่างไรก็ตาม การขึ้นดอกเบี้ยของ กนง. ที่ผ่านมา ซึ่งเริ่มปรับขึ้นตั้งแต่เดือน ส.ค. 2565 จนถึงปัจจุบันทาง กนง. มองว่าดอกเบี้ยเริ่มเข้าใกล้จุดที่เป็น Neutral rate หรืออัตราดอกเบี้ยที่เป็นปกติ เป็นกลางต่อระบบเศรษฐกิจแล้ว ขณะที่ดอกเบี้ยที่แท้จริงก็เริ่มกลับมาเป็นบวก ซึ่งอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง (Real Interest Rate) ถือว่าเข้าใกล้ที่จะเป็นบวกแล้ว และในบางจุดเริ่มเป็นบวกแล้ว แต่การที่ดอกเบี้ยที่แท้จริงเริ่มเป็นบวก เป็นแค่หนึ่งปัจจัยในการพิจารณาที่เริ่มเข้าใกล้ Neutral zone แต่ไม่ได้หมายความว่าแค่นี้แล้วจะจบ ต้องให้แน่ใจว่าภาวะการเงินสอดคล้องกับเสถียรภาพเศรษฐกิจระยะยาว ดังนั้นจำเป็นต้องดูข้อมูลต่อไป เพราะมีบางตัวที่มีขึ้นมีลง ซึ่งเป็นปกติในการดำเนินนโยบายที่เข้าใกล้จุดเปลี่ยนที่ต้องคำนึงถึงข้อมูลมากขึ้น

ส่วนผลกระทบต่อครัวเรือน และภาคธุรกิจ จากการปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง เป็นสิ่งที่ กนง. ติดตามมาต่อเนื่อง ทำให้การดำเนินนโยบายการเงินที่ผ่านมา ต้องทำแบบค่อยเป็นค่อยไป แต่หนี้ครัวเรือนเป็นปัญหาเฉพาะจุด ส่วนภาพรวมเศรษฐกิจไทย ภาพรวมถือว่าชะลอลงคาดเล็กน้อยจากส่งออกที่ชะลอตัวลง แต่หากมองไปข้างหน้าภาคการท่องเที่ยวอาจเข้ามามากกว่าคาด แต่เม็ดเงินการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวไม่ได้มาก ดังนั้นแนวโน้มเศรษฐกิจมีทิศทางชะลอ ส่วนภาพเงินเฟ้อในเดือน มิ.ย. และ ก.ค. คาดว่าจะออกมาต่ำต่อเนื่อง เพราะมีเรื่องของฐานสูง