ราคาน้ำมันดิบดำดิ่งกว่า 4 ดอลล์ ก่อนปิดตลาดร่วงไม่ถึง 1 ดอลล์ เหลือกว่า 77 ดอลลาร์

159
0
Share:
ราคา น้ำมันดิบ ดำดิ่งกว่า 4 ดอลล์ ก่อนปิดตลาดร่วงไม่ถึง 1 ดอลล์ เหลือกว่า 77 ดอลลาร์

ตลาดซื้อขายน้ำมันดิบ นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา รายงานว่า เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2023 ที่ผ่านไป พบว่า ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 77.10 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล -0.67 ในช่วงระหว่างการซื้อขายมีราคาดำดิ่งลึกถึง 73.79 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือทรุดลงมากถึง -3.98 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือกว่า -5% ส่งผลราคาน้ำมันดิบปิดลดลง 2 วันติดกันรวม -0.73 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล

ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2565 มีราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ สหรัฐอเมริกา พุ่งขึ้นสูงสุดที่ 130.50 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ทำสถิติราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ที่สูงสุดนับตั้งแต่กันยายน 2008 หรือในรอบ 13 ปี 5 เดือน

ด้านราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ปิดที่ 81.96 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล -0.49 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ในช่วงระหว่างการซื้อขายมีราคาดำดิ่งลึกถึง 78.41 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือทรุดลงมากถึง -4.04 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือกว่า -4%

ในปี 2022 ผ่านไปราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ มีราคาสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2008 หรือในรอบ 13 ปี 7 เดือน โดยเมื่อคืนวันจันทร์ที่ 7 มีนาคม 2565 มีขึ้นมาสูงสุดระหว่างวันที่ระดับ 139.13 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล

สาเหตุจากนักลงทุนผิดหวัง และมีความกังวลกับการเลื่อนประชุมของกลุ่มโอเปกพลัสจากเดิมจะมีขึ้นในวันที่ 26 ไปเป็นวันที่ 30 พฤศจิกายนนี้ โดยกลุ่มโอเปกพลัสไม่ระบุเหตุผลในการเลื่อนการประชุมในครั้งนี้ ในขณะที่มีรายงานเพิ่มเติมว่า ซาอุดิอาระเบียไม่พอใจต่อประเทศสมาชิกอื่นๆ เกี่ยวกับปริมาณการผลิตน้ำมันดิบ

วงการตลาดน้ำมันดิบประเมินว่า กลุ่มโอเปกพลัสอาจมีมติขยายเวลาลดกำลังการผลิตของกลุ่มโอเปกพลัสต่อไป ด้านสำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ หรือไออีเอ เปิดเผยว่า ได้ปรับเพิ่มการคาดการณ์ความต้องการใช้น้ำมันดิบทั่วโลกทั้งในปี 2023 นี้ และในปี 2024 ด้วย

กลุ่มโอเปกพลัสประเมินความต้องการใช้น้ำมันดิบทั่วโลกในปี 2024 เพิ่มขึ้นจากภาวะเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาและจีนจะขยายตัวขึ้น ทำให้ปัจจัยพื้นฐานของราคาน้ำมันดิบยังคงแข็งแกร่ง แต่การที่ราคาน้ำมันดิบร่วงตกต่ำเนื่องจากเกิดภาวะเทขายราคาน้ำมันดิบมากเกินราคาแท้จริง

ความหวั่นกลัวสงครามอิสราเอลกับกลุ่มฮามาสที่รุนแรงต่อเนื่องเริ่มผ่อนคลายลงอีก หลังจากประธานาธิบดีสหรัฐ นายโจ ไบเดน พยายามประชุมหารือรายวันกับฝ่ายความมั่นคงและฝ่ายการทูตทางทหาร เพื่อให้กลุ่มฮามาสปล่อยตัวประกันออกมา

ขณะที่แรงกดดันต่ออัตราดอกเบี้ยระยะสั้นของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาลดลงต่อเนื่อง ซึ่งจะมีการประชุมครั้งสุดท้ายของปีนี้ในวันที่ 12-13 เดือนธันวาคมนี้