ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกปิดขึ้น 2 วันติดกัน เหนือ 81 ดอลล์ หยุดราคาต่ำสุดในเกือบ 4 เดือน

ตลาดซื้อขายน้ำมันดิบ นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา รายงานว่า เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2023 ที่ผ่านไป พบว่า ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 77.17 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล +1.43 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +1.90% ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบปิดเพิ่มขึ้น 2 วันติดกันรวม +1.84 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +2.44%

ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2565 มีราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ สหรัฐอเมริกา พุ่งขึ้นสูงสุดที่ 130.50 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ทำสถิติราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ที่สูงสุดนับตั้งแต่กันยายน 2008 หรือในรอบ 13 ปี 5 เดือน

ด้านราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ปิดที่ 81.43 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล +1.42 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +1.80% ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบปิดเพิ่มขึ้น 2 วันติดกันรวม +1.89 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +2.39%

ในสัปดาห์นี้ ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกปิดลดลง -4% นับเป็นราคาน้ำมันดิบรายสัปดาห์ที่ลดลงเป็นสัปดาห์ที่ 3 ต่อเนื่อง

ในปี 2022 ผ่านไปราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ มีราคาสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2008 หรือในรอบ 13 ปี 7 เดือน โดยเมื่อคืนวันจันทร์ที่ 7 มีนาคม 2565 มีขึ้นมาสูงสุดระหว่างวันที่ระดับ 139.13 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล

สาเหตุจากอิรักประกาศสนับสนุนนโยบายปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบของกลุ่มโอเปกพลัส ซึ่งจะมีการประชุมในวันที่ 26 พฤศจิกายนนี้ ส่งผลให้โอกาสที่กลุ่มโอเปกพลัสจะคงมติลดกำลังการผลิตต่อเนื่องไปถึงไตรมาสที่ 1 ในปี 2024 มีความเป็นไปได้สูง

ความหวั่นกลัวสงครามอิสราเอลกับกลุ่มฮามาสที่รุนแรงต่อเนื่องเริ่มผ่อนคลายลงอีก หลังจากอิสราเอลประกาศระยะเวลาหยุดยิงชั่วคราว 4 ชั่วโมงใน 1 วัน เพื่อให้การส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเข้าไปในฉนวนกาซาซึ่งไม่น่าจะกระทบต่อปริมาณการผลิตและส่งออกน้ำมันดิบจากตะวันออกกลาง

เมื่อวันอังคารผ่านมา ซาอุดิอาระเบียและรัสเซียมีมติลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบต่อเนื่องจนถึงสิ้นปีนี้ โดยซาอุดิอาระเบียยังคงลดการผลิตวันละ 1 ล้านบาร์เรล และรัสเซียลดการผลิตวันละ 300,000 บาร์เรล ขณะที่แรงกดดันต่ออัตราดอกเบี้ยระยะสั้นของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาลดลงต่อเนื่อง ซึ่งจะมีการประชุมครั้งสุดท้ายของปีนี้ในเดือนธันวาคม