ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกในเอเชียลดต่ำเกือบหลุด 75 ดอลลาร์ การเมืองสหรัฐยังตึงเครียด

197
0
Share:
ราคา น้ำมันดิบ ตลาดโลกในเอเชียลดต่ำเกือบหลุด 75 ดอลลาร์ การเมืองสหรัฐยังตึงเครียด

วันนี้ 22 พฤษภาคม 2023 ตลาดซื้อขายน้ำมันดิบในเอเชียที่สิงคโปร์ รายงานว่า เมื่อเวลา 12.20 น. ตามเวลาสิงคโปร์ หรือ 11.20 น. เวลาไทย พบว่า ราคาน้ำมันดิบนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เคลื่อนไหวที่ระดับ 71.24 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล -0.45 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -0.6% สอดคล้องกับราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ เคลื่อนไหวที่ระดับ 75.10 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล -0.48 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -0.6%

ขณะที่เมื่อวันศุกร์ที่ 19 พฤษภาคม 2023 ตามเวลาในสหรัฐอเมริกา พบว่า ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 71.69 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล -0.25 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -0.3% นับเป็นวันที่ 2 ติดต่อกันที่ราคาน้ำมันดิบลดลง -1.22 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล

ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2565 มีราคาพุ่งขึ้นสูงสุดที่ 130.50 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ทำสถิติราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ที่สูงสุดนับตั้งแต่กันยายน 2008 หรือในรอบ 13 ปี 5 เดือน

ด้านราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ปิดที่ 75.58 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล -0.28 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -0.8% นับเป็นวันที่ 2 ติดต่อกันที่ราคาน้ำมันดิบลดลง -1.38 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล

ในสัปดาห์นี้ ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกทั้ง 2 แห่ง ปรับเพิ่มขึ้น +2% ส่งผลเป็นสัปดาห์แรกในเดือนนี้ที่ราคาน้ำมันดิบทั้ง 2 แห่งปิดเพิ่มขึ้น

ในปี 2022 ผ่านไปราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ มีราคาสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2008 หรือในรอบ 13 ปี 7 เดือน โดยเมื่อคืนวันจันทร์ที่ 7 มีนาคม 2565 มีขึ้นมาสูงสุดระหว่างวันที่ระดับ 139.13 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล

สาเหตุจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงอ่อนค่าลง และนักลงทุนกังวลกับสถานการณ์การเมืองในรัฐสภาคองเกรสของสหรัฐอเมริกาที่กำลังตึงเครียดกับการพิจารณากฎหมายขยายการกู้ยืมเงินของรัฐบาลมูลค่า 31.4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 1,068 ล้านล้านบาท เพื่อหลีกเลี่ยงภาวะรัฐบาลสหรัฐอเมริกาไม่สามารถชำระคืนหนี้สินได้ก่อนถึงวันที่ 1 มิถุนายนนี้ หลังจากผู้นำสูงสุดของสภาล่าง และวุฒิสมาชิกของรัฐสภาสหรัฐอเมริกาเปิดเผยว่าจะพยายามพิจารณาผ่านกฎหมายดังกล่าวเพื่อให้สหรัฐอเมริกาเลี่ยงภาวะไม่สามารถชำระหนี้ ขณะที่รัฐมนตรีคลังสหรัฐชี้แจงว่าสหรัฐอเมริกามีเงินงบประมาณสำหรับการใช้จ่ายบริหารประเทศได้เพียงอีก 1 เดือนเท่านั้น

สาเหตุจากธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา หรือเฟด มีแนวโน้มปรับขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้นในการประชุมครั้งต่อไปในเดือนมิถุนายนระหว่างวันที่ 13-14 นี้ ซึ่งผิดคาดจากที่ประเมินกันว่าจะตรึงดอกเบี้ยดังกล่าวเป็นครั้งแรกในรอบ 1 ปีเศษ