ลดวันกัก! สธ.ไฟเขียวลดวันกักตัวเหลือ 7 วันสำหรับผู้ที่เดินทางจากทุกประเทศเข้าไทยหากฉีดวัคซีนครบโดส

349
0
Share:

นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค แถลงภายหลังเข้าร่วมการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ที่มีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการ สธ. เป็นประธาน ว่าได้เห็นชอบปรับมาตรการผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร หรือการลดวันกักตัวจากเดิมที่กำหนด 14 วัน รวมถึงตรวจหาเชื้อด้วยวิธีอาร์ที-พีซีอาร์ (RT-PCR) ได้มีความเห็นชอบลดวันกักตัวเหลือ 7, 10 และ 14 วัน ตามกรณีดังนี้

1.ผู้เดินทางทุกช่องทาง ทั้งทางบก และทางอากาศ ที่ฉีดวัคซีนโควิด-19 ครบ 2 เข็ม หรือครบโดส และสำหรับผู้ที่ได้รับวัคซีนมาระยะหนึ่งแล้ว ยังอยู่ในเกณฑ์ ผลตรวจหาเชื้ออาร์ที-พีซีอาร์ ก่อนเดินทางเป็นลบ และเมื่อมาถึงต้องตรวจอีก 2 ครั้ง คือ วันแรก และวันสุดท้ายก่อนออกจากสถานกักกันโรค (Quarantine) โดยจะลดวันกักตัวเหลือ 7 วัน

2.ผู้เดินทางช่องทางอากาศ แต่ไม่มีเอกสารรับรองการฉีดวัคซีน ให้ตรวจอาร์ที-พีซีอาร์ก่อนเดินทาง เมื่อมาถึงไทยต้องตรวจอีก 2 ครั้ง คือ วันแรกและวันสุดท้ายก่อนออกจากสถานกักกันโรค จะลดวันกักตัวเหลือ 10 วัน

3.หากไม่มีการฉีดวัคซีนครบ และมาด้วยช่องทางอื่น เช่น ทางบก จะทำการกักตัว 14 วัน และตรวจหาเชื้ออาร์ที-พีซีอาร์ อีก 2 ครั้ง ระหว่างกักตัว

โดยจะใช้หลักเกณฑ์เดียวกันทุกประเทศ ซึ่งทางคณะกรรมการวิชาการพิจารณรอบด้าน อีกทั้งเป็นการลดวันกักตัวแบบมีเงื่อนไข คือ ฉีดวัคซีนครบโดส และตรวจหาเชื้อก่อนเข้าประเทศ ต้องมีผลเป็นลบ และตรวจหาเชื้อซ้ำอีก มาตรการกำหนดไว้ค่อนข้างรัดกุม ซึ่งการลดวันกักตัวไม่ได้ทำให้เกิดสถานการณ์การระบาดที่มากขึ้น รวมทั้งเดลต้าในประเทศไทยมีการระบาดมากรวมถึงทั่วโลก แต่ทำให้สามารถมีชีวิตอยู่ร่วมกับโควิด-19 ได้มากขึ้น

ทั้งนี้ยังได้เห็นชอบแผนการเปิดประเทศเพื่อรับนักท่องเที่ยว โดยมีพื้นที่นำร่องการท่องเที่ยวต่างๆ จะเริ่มตั้งแต่กลางเดือนตุลาคมนี้ ในในบางพื้นที่ เช่น เพชรบุรี ชะอำ หัวหิน และพื้นที่อื่นๆ จะเป็นเดือนพฤศจิกายน 2564 ทุกอย่างเป็นไปตามแผน โดยจะขึ้นอยู่กับสถานการณ์ระบาดของโรค อัตราการครองเตียง ความสามารถในการรองรับระบบสาธารณสุขในการดูแลผู้ป่วย รวมถึงสถานการณ์ฉีดวัคซีนและการบริหารจัดการที่จะเสนอ ศบค.พิจารณาต่อไป