“วนรัชต์” อดีตผู้บริหาร STARK ชี้ถูกการอายัดทรัพย์จนเกลี้ยง ทำขั้นตอนเคลียร์หนี้สะดุด

327
0
Share:
“วนรัชต์” อดีตผู้บริหาร STARK ชี้ถูกการ อายัดทรัพย์ จนเกลี้ยง ทำขั้นตอนเคลียร์หนี้สะดุด

นายวนรัชต์ ตั้งคารวคุณ อดีตรักษาการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จํากัด (มหาชน) เปิดเผยว่า หลัง ก.ล.ต. มีคำสั่งยึดอายัดทรัพย์สินของผู้กระทำผิดที่ถูกกล่าวโทษ กรณีบริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (STARK) รวม 10 ราย เป็นเวลา 180 วัน และห้ามมิให้ผู้กระทำผิดออกนอกราชอาณาจักรไว้ก่อนเป็นการชั่วคราว มีกำหนด 15 วัน

โดยการอายัดทรัพย์สินของอดีตกรรมการ ผู้ถือหุ้นใหญ่โดย ก.ล.ต. ถือเป็นการทำตามหน้าที่ ไม่มีประเด็น แต่การอายัดทรัพย์สินบริษัทที่ยังประกอบธุรกิจอยู่ ตั้งแต่ตัว บมจ.สตาร์คฯ บริษัท เฟล้ปส์ ดอด์จ อินเตอร์ บริษัท อดิศรสงขลา บริษัท ไทยเคเบิ้ล ทำให้เกิดคำถามตามมาทันทีว่าบริษัทพวกนี้จะไปยังไงต่อ จะจ่ายเงินเดือนพนักงาน จ่ายเงินซัพพลายเออร์ ได้ไหม ถ้าไม่ได้ ต้องหยุดโรงงานไป 180 วัน แล้วจะผิดสัญญาส่งมอบสินค้าไหมยิ่งเฟล้ปส์ดอด์จขายสายไฟให้การไฟฟ้า ถ้าผิดสัญญา ส่งของไม่ได้ โดนแบลคลิสต์ แล้วจะไปอย่างไรต่อ โดยคนกลุ่มแรกที่เดือดร้อนโดยตรงคือ พนักงานบริษัทที่ต้องถูกลอยแพ และบรรดาคู่ค้าที่วางบิลไปแล้ว หรือผลิตของ ส่งของให้ แต่ยังไม่ได้เงิน คนพวกนี้จะได้รับเงินเดือนสิ้นเดือนนี้ไหม พนักงานคงเตรียมหางานใหม่ คู่ค้าก็เลิกคบ

ถัดมาที่เดือดร้อน คือแบงก์ที่ปล่อยกู้เฟล้ปส์ดอด์จตรง ก่อนหน้านี้ แบงก์กำลังเจรจากับผู้ถือหุ้นใหญ่ นายวนรัชต์ซึ่งค้ำประกันหนี้ไว้ 20,000 ล้านบาท โดยมีแผนจะเอาเฟล้ปส์ดอด์จเข้าฟื้นฟูกิจการ เพื่อที่แบงก์จะได้ปล่อยสินเชื่อให้ต่อลมหายใจ ในระหว่างที่ขายกิจการต่างๆ ทั้งที่เป็นของสตาร์ค และเป็นของเฟล้ปส์ดอด์จเพื่อเอาเงินมาชำระหนี้

แต่เมื่อโดนอายัดแบบนี้ แปลว่าจะไม่สามารถเอาเข้าฟื้นฟูกิจการได้ จะให้กู้เอาเงินมารันโรงงานก็ไม่ได้เพราะถ้ารอ 180 วันครบเวลาอายัด บริษัทพวกนี้ก็กลายเป็นซากกิจการ โดนแบลคลิสต์ โดยการไฟฟ้าไปเรียบร้อยจากแผนเดิมที่จะทำการขายทรัพย์สิน ทั้งของสตาร์คและเฟล้ปส์ดอด์จออกไป บวกกับหาอัศวินไวท์ ไนท์ white knight มาซื้อกิจการ นอกจากกิจการไปต่อได้ ยังน่าจะได้เงินมาจ่ายคืนผู้ถือหุ้นกู้บ้าง ไม่มากก็น้อย วันนี้ ผลงาน ก.ล.ต. ทำให้ลืมแผนนี้ได้ เพราะแบงก์รอฟ้องล้มละลาย เอาซากโรงงาน ที่ดิน มาขายทอดตลาด มูลค่าจากร้อยอาจจะเหลือยี่สิบ แต่แบงก์ก็ตั้งสำรองหนี้สูญไปแล้ว

เหลือแต่ผู้ถือหุ้น และผู้ถือหุ้นกู้สตาร์ค ที่รอเงินที่จะเหลือจากการขายทรัพย์สินพวกนี้ ยิ่งนานวัน แทนที่จะขายแบบกิจการที่รันได้ปรกติ ต้องมารอขายเป็นซาก เจ็บหนักกว่าแบงก์ ก็ผู้ถือหุ้นกู้ และผู้ถือหุ้น

คนเดียวที่น่าจะยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ คือพวกกลุ่มทุนในกิจการเคเบิ้ลที่มาจีบแบงก์ขอซื้อกิจการทั้งในไทยและเวียดนาม ที่รออีกหน่อย ราคาตกลงเรื่อยๆ รอจ่ายแค่ 20% ของมูลค่ากิจการก่อนวันโดนอายัดก็ได้