“วันนอร์” หัวหน้าพรรคประชาชาติ ชี้ว่าที่ “ประธานสภา” คือตัวแทนประเทศ ต้องหาคนที่เหมาะสม

นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา (วันนอร์) หัวหน้าพรรคประชาชาติ ฐานะอดีตประธานรัฐสภา กล่าวต่อกรณีการชิงตำแหน่ง ประธานสภาฯ ว่า พรรคเสียงข้างมากต้องตกลงทำความเข้าใจกันว่าจะเสนอบุคคลใดเป็นประธานสภาฯ เพื่อป้องกันปัญหาความขัดแย้งในขั้นตอนการลงมติ ทั้งนี้ตามธรรมเนียมส่วนมาก พรรคอันดับ 1 จะมานั่งทำหน้าที่ประธานสภาฯ นอกจากบางครั้งที่มีความจำเป็นเท่านั้น อาจจะไม่ใช่พรรคอันดับ 1 ซึ่งเกิดขึ้นได้น้อย ส่วนพรรคอันดับ 2 ที่ร่วมรัฐบาลและไม่ได้เป็นประธานสภาฯ จะได้โควตารองประธานสภาฯคนที่ 1 และพรรคอันดับ 3 จะถูกวางตัวเป็นรองประธานสภาฯ คนที่ 2 ตามลำดับ

โดยประธานรัฐสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎร ต้องทำหน้าที่ประสานงานกับสมาชิกทุกพรรคการเมือง ทำหน้าที่เป็นประธานในที่ประชุม และเป็นตัวแทนของรัฐสภาทั้งในประเทศและต่างประเทศ จึงต้องมีความเหมาะสมในหลายประการ ส่วนประสบการณ์เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น แต่ความตั้งใจย่อมสำคัญกว่า ไปจนถึงความเหมาะสม บุคลิกภาพการวางตัวก็สำคัญ ส่วนอายุไม่น่าจะเป็นอุปสรรคสำหรับยุคสมัยนี้ เดี๋ยวนี้คนหนุ่มคนเก่งเยอะ อาจจะดีกว่าผู้สูงอายุด้วยซ้ำ

หัวหน้าพรรคประชาชาติ กล่าวว่า อยากให้คุยกัน ตอนนี้ยังมีเวลากว่าที่ ส.ส.จะถูกรับรอง ทั้งหัวหน้าและเลขาธิการพรรคทั้ง 2 ฝ่าย ไม่กระจายความขัดแย้งไปภายนอก เพราะประชาชนมีความหวังว่ารัฐบาลใหม่จะต้องสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนในประเทศและต่างประเทศได้ ถ้ามัวทะเลาะกันความเชื่อมั่นจะลด

นอกจากนี้ นักข่าวยังได้ถามความเห็นว่าพรรคเพื่อไทยควรถอยหรือไม่ หัวหน้าพรรคประชาชาติ กล่าวว่า ตนไม่ขอก้าวล่วง

ส่วนผู้ที่ หัวหน้าพรรคประชาชาติมองว่าเหมาะที่จะเป็นแคนดิเดตประธานสภาฯ จากพรรคก้าวไกล อาทิ นายณัฐวุฒิ บัวประทุม และนายธีรัจชัย พันธุมาศ โดยเห็นว่าทั้งคู่มีความสนใจในบทบาทการประชุม ได้ข้อบังคับศึกษาไว้พอสมควร เชื่อว่าปรับปรุงอีกนิดสามารถทำได้หากมาทำหน้าที่ประธานสภาฯจริง เชื่อว่าทุกอย่างสามารถศึกษาและเรียนรู้ได้

“ใครจะเป็นประธานสภาฯ ผมยินดีทั้งสิ้น พร้อมจะให้คำปรึกษาหากช่วยเหลือได้ รอบนี้ตนก็เป็นสมาชิกรัฐสภาเช่นกัน ยินดีที่จะให้ความร่วมมือ แนะนำ เพื่อให้สภาฯ เดินไปด้วยความเรียบร้อย เพราะฝ่ายอื่นปฏิรูปไปเยอะแล้ว สภาฯ ก็ควรจะปฏิรูป เช่น ไม่ให้การประชุมเสียเวลาเกินเหตุ” นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าว