“วิกรม” ผู้บริหารอมตะ ขอให้รัฐบาลใหม่ต้องยึดหลักดูแลเศรษฐกิจปากท้องเป็นอันดับแรก

205
0
Share:
วิกรม ผู้บริหารอมตะ ขอให้ รัฐบาล ใหม่ ต้องยึดหลักดูแล เศรษฐกิจ ปากท้องเป็นอันดับแรก

นายวิกรม กรมดิษฐ์ ประธานกรรมการ บมจ.อมตะ คอร์ปอเรชัน ยอมรับว่าสถานการณ์การจัดตั้งรัฐบาลที่ยังไม่มีทิศทางที่ชัดเจน มีผลต่อการตัดสินใจการลงทุนจากกลุ่มลูกค้าอมตะบางส่วนที่ชะลอการลงทุนในขณะนี้ เนื่องจากกังวลเรื่องการชุมนุมที่อาจเกิดขึ้นได้ จากประสบการณ์ที่นักลงทุนเคยเผชิญในไทย เมื่อ 9-10 ปีที่ผ่านมา เพราะมองว่าเป็นเรื่องความขัดแย้งของคนในประเทศที่อาจส่งผลต่อการประท้วงและขยายความรุนแรงหรือไม่ จึงมีการประเมินสถานการณ์การลงทุนอีกครั้ง

โดยความคาดหวังต่อรัฐบาลใหม่ที่เข้ามาบริหารประเทศ ส่วนตัวต้องการให้ยึดหลักการขับเคลื่อนเศรษฐกิจเป็นสิ่งสำคัญที่สุดอันดับแรก เพื่อเร่งแก้ปัญหาปากท้องให้คนไทยกินดีอยู่ดี และผลักดันการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวม (จีดีพี) โตขึ้น 5-7% ในระยะเวลา 2-3 ปีนี้ เพื่อลดปัญหาทางสังคมของประเทศที่กำลังเผชิญอยู่ ทั้งอาชญกรรมและประชากรที่เพิ่มขึ้น สะท้อนตัวอย่างจากหลายประเทศ เช่นจีน และ อินโดนีเซีย ที่สามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เติบโตเฉลี่ย 9% มาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ปัจจุบันมีภาพรวมทางเศรษฐกิจที่ดี จำนวนคนจนลดลงจากอดีตที่เคยมีคนจนสูงที่สุดในโลก

นอกจากนี้ยังต้องสร้างเศรษฐกิจสีเขียว สนับสนุนอุตสาหกรรมการลงทุนที่ไม่ก่อให้เกิดมลพิษ และเน้นการพัฒนาที่มีเทคโนโลยี นำไปสู่การสร้างความยั่งยืน ซึ่งวันนี้เราไม่มีเทคโนโลยีเป็นของตัวเอง รายได้ต่อหัวจึงไม่สูงขึ้นหากเทียบกับ จีน เวียดนาม ญี่ปุ่น สิงคโปร์ ที่ได้เม็ดเงินลงทุนและเทคโนโลยีจากต่างประเทศ

ส่วนเรื่องกรณีที่พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ที่มีนโยบายค่าแรงขั้นค่ำ 600 บาท นั้น มองว่าการปรับขึ้นค่าแรงไม่ควรใช้ประชานิยม แต่ควรใช้เหตุผล ซึ่งเห็นด้วยว่า ค่าจ้างแรงงานไทยไม่สูง แต่การปรับขึ้นจำเป็นต้องเป็นขั้นตอนเช่น มาตรฐานการเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำต้องขึ้นกี่เปอร์เซ็นต์ต่อปี โดยต้องพิจารณาจากดัชนีเงินเฟ้อ ค่าครองชีพ ซึ่งจะต้องไม่ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการที่ใช้แรงงานจำนวนมาก ได้ประโยชน์กับทุกฝ่าย หากผู้ประกอบการได้รับกระทบ และต้องปิดตัวลง แรงงานได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน รัฐบาลก็ต้องมีการกระตุ้นให้เกิดการลงทุน ดึงเม็ดเงินจากต่างประเทศเพิ่มขึ้นด้วยเช่นเพื่อให้เศรษฐกิจเดินหน้าต่อไปได้