วิกฤตขาดแคลนชิปคอมพิวเตอร์ ทุบรถยนต์ทั่วโลกหาย 1.3 ล้านคัน

439
0
Share:

ฮอนด้า มอเตอร์ และนิสสัน มอเตอร์ ผู้ผลิตรถยนต์ยักษ์ใหญ่อันดับ 2 และ 3 ตามลำดับในญี่ปุ่น เปิดเผยว่า จะขายรถยนต์รวมกันน้อยลง 250,000 คันในรอบปีงบประมาณปัจจุบันที่จะสิ้นสุดในวันที่ 31 มีนาคมนี้ โดยฮอนด้า มอเตอร์ ปรับลดเป้ายอดขายลง 100,000 คัน หรือ 2.2% ทำให้เป้ายอดขายในภาพรวมเหลือ 4.5 ล้านคัน สอดรับกับค่ายรถยนต์นิสสัน มอเตอร์ ประกาศลดเป้าการขายลง 150,000 คัน หรือ 3.6% ส่งผลยอดขายในภาพรวมของนิสสันเหลือเพียง 4.01 ล้านคัน
.
สาเหตุจากสถานการณ์ขาดแคลนที่เกิดขึ้นกับชิปคอมพิวเตอร์ในวงการอุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลกนับตั้งแต่ช่วงสิ้นปี 2563 มาถึงปัจจุบัน ส่งผลกระทบต่อภาวะการผลิตรถยนต์เป็นจำนวนมาก ความต้องการของเครือข่ายธุรกิจผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ในรูปแบบรับจ้างการผลิตมีเพิ่มเป็นจำนวนมากท่ามกลางกำลังการผลิตชิปคอมพิวเตอร์ยังไม่สามารถกลับมาเป็นปกติ นอกจากนี้ ปัจจัยจากอดีตรัฐบาลสหรัฐในยุคประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ใช้มาตรการคว่ำบาตรที่มีต่อโรงงานผลิตเซมิคอนดัคเตอร์ของจีนแผ่นดินใหญ่ ส่งผลต่อปริมาณการผลิตชิปคอมพิวเตอร์ในตลาดโลก นายเซอิจิ คูราอิชิ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ ฮอนด้า มอเตอร์ เปิดเผยว่า รุ่นที่ขายดีจะได้รับผลกระทบจากภาวะขาดแคลนชิปคอมพิวเตอร์ที่เป็นปัญหาในขณะนี้ แม้จะปรับสลับไลน์การผลิต หรือปรับแผนการผลิต แต่ก็ไม่สามารถแก้ปัญหาได้
.
ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ ฮอนด้า มอเตอร์ ประเมินว่าสถานการณ์ขาดแคลนชินคอมพิวเตอร์ดังกล่าวจะมีแนวโน้มผ่อนคลายภายในช่วงครึ่งปีแรกนี้ ด้านนิสสัน มอเตอร์ เปิดเผยว่า มีความจำเป็นต้องลดกำลังการผลิตรุ่นโน๊ต Note ซึ่งเป็นรุ่นยอดนิยมในตลาด ที่โรงงานในคานากาว่า จากสาเหตุภาวะขาดแคลนชิปคอมพิวเตอร์
.
ด้านเจนเนอรัล มอเตอร์ หรือจีเอ็ม ยักษ์ผลิตรถยนต์รายใหญ่ในสหรัฐอเมริกา เปิดเผยว่า ผลพวงจากภาวะขาดแคลนชิปคอมพิวเตอร์ ทำให้ต้องลดกำลังการผลิตรถยนต์ใน 3 โรงงานที่อเมริกาเหนือไปถึงช่วงกลางเดือนมีนาคมนี้ สอดรับกับบริษัท ฟอร์ด มอเตอร์ ยอมรับว่าต้องลดกำลังการผลิตในโรงงานผลิตรถยนต์ที่สหรัฐ และในบางประเทศของยุโรป
.
ทั้งนี้ ออโต้ฟอร์คาสท์ โซลูชั่นส์ เปิดเผยว่า สถานการณ์ขาดแคลนชิปคอมพิวเตอร์ในอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์ทั่วโลก จะส่งผลให้ปริมาณรถยนต์หายไปเกือบ 1.3 ล้านคันในปี 2564 โดยเจนเนอรัล มอเตอร์ อาจสูญเสียปริมาณรถยนต์มากถึง 111,450 คัน ฟอร์ด มอเตอร์ อาจไม่สามารถผลิตรถยนต์ได้ 10% ถึง 20% ของเป้าหมายกำลังการผลิตรถยนต์ในไตรมาสที่ 1 ปีนี้ ทำให้รายได้ของฟอร์ด มอเตอร์ อาจลดหายมากถึง 1,000 ถึง 2,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 31,000 ถึง 77,500 ล้านบาท
.