สภาทองคำโลกเปิดพฤติกรรมคนไทยลงทุนทองคำ ใช้เงิน 35% มาลงทุนทองคำ

397
0
Share:
สภาทองคำโลก เปิดพฤติกรรมคนไทยลงทุน ทองคำ ใช้เงิน 35% มาลงทุนทองคำ

สภาทองคำโลก หรือ World Gold Council เปิดเผยรายงานข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับทองคำค้าปลีกประเทศไทย หรือ Retail Gold Insights : Thailand report พบว่า ผู้บริโภคชาวไทยมีความเข้าใจในการลงทุน โดยนำรายได้ 35% มาลงทุุนในทอง และผู้ลงทุนมีผลิตภัณฑ์การลงทุุนเฉลี่่ย 3.5 รายการ นอกจากนี้ นักลงทุนไทยมองว่าตนเองเป็นนักลงทุนที่มีความมั่นใจ และเต็มใจที่จะลองลงทุนในหลายรูปแบบเพื่อแลกกับการเติบโตทางการเงินแบบทวีคูณ

รายงานดังกล่าว พบว่า 87% ของนักลงทุนไทยเห็นด้วยว่าการมีพอร์ตลงทุนที่หลากหลายเพื่อช่วยปกป้องความมั่งคั่งเป็นสิ่งสำคัญอย่างมาก เนื่องจากนักลงทุนชาวไทยมีความกังวลถึงภาวะตลาดการเงินล่มสลาย และมีมุมมองในการลงทุนระยะยาว

ผลการสำรวจชี้ให้เห็นว่า ทองคำเป็นการลงทุนที่นิยมมากที่สุดเป็นอันดับสองในพอร์ตการลงทุนของประเทศไทย และกว่าครึ่งหนึ่งของนักลงทุนรายย่อยในประเทศได้ถือครองทองคำในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง โดยการลดความเสี่ยงเป็นปัจจัยหลัก (57%) ที่กระตุ้นให้นักลงทุนตัดสินใจลงทุนในทองคำ แนวโน้มเช่นนี้ตอกย้ำให้เห็นว่า นักลงทุนรายย่อยตระหนักถึงบทบาทของทองคำในฐานะผลิตภัณฑ์ลงทุนที่มีความปลอดภัย ซึ่งนับว่าสอดคล้องกับบทบาทของทองคำในพอร์ตการลงทุน ที่ถือเป็นเครื่องมือช่วยปกป้องความมั่งคั่ง

นักลงทุนกว่า 40% ได้ซื้อทองคำเพื่อการลงทุนในช่วง 12 เดือนก่อนการสำรวจ โดยทองคำแท่งถือเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมสูงสุด คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 30% ของนักลงทุน ตามด้วยเหรียญทองคำที่ 12% กองทุนทอง (ETF) ที่ 10% ทองคำเก็บในคลังนิรภัยที่ 9% และเครื่องประดับทองคำที่ 9%

อย่างไรก็ตาม อุปสรรคที่ทำให้นักลงทุนที่สนใจยังลังเลที่จะลงทุนในทองคำเป็นครั้งแรก มีดังนี้ เกือบ 80% ของนักลงทุนกลุ่มนี้เผยว่า พวกเขายังไม่มีความรู้มากพอที่จะซื้อทองคำ และไม่ทราบถึงช่องทางในการซื้อทองคำที่มีราคาไม่แพง โดยอุปสรรคที่เด่นชัดที่สุดคือ พวกเขาเชื่อว่าทองคำนั้นมีค่าธรรมเนียมการซื้อ/ขายทองคำสูงเกินไป

ต่อมา เกือบครึ่งหนึ่งกังวลถึงความสมบูรณ์ของผลิตภัณฑ์ทองคำ โดยมากกว่า 30% ระบุว่ากลัวถูกหลอกให้ซื้อทองคำปลอม จึงเลือกที่จะไม่ซื้อ และกว่า 10% ชี้ว่าตนไม่กล้าซื้อ เพราะยังไม่มีการรับประกันถึงความบริสุทธิ์ของทองคำ

นอกจากนี้ มากกว่าหนึ่งในสามของนักลงทุนที่คิดจะลงทุนในทองคำเป็นครั้งแรกคิดว่าตนจะไม่สามารถเก็บทองคำไว้ได้อย่างปลอดภัย โดยนักลงทุนกลุ่มนี้อาจยังไม่ทราบถึงช่องทางและบริการการจัดเก็บทองคำที่มีอยู่

การศึกษาวิจัยยังพบว่าถึงกลุ่มนักลงทุนรายย่อยมีอยู่ 4 ประเภทในประเทศไทย ได้แก่ นักลงทุนที่กล้าเสี่ยงบนคำแนะนำต่างๆ (Guided Risk Takers) เทรดเดอร์ชอบความผันผวน (Adventurous Traders) นักกลยุทธ์ปรับตัวอย่างรวดเร็ว (Agile Strategists) และนักออมการลงทุนที่ระมัดระวัง (Cautious Savers)

• 35% เป็นนักลงทุนที่กล้าเสี่ยงโดยยึดตามคำแนะนำ ซึ่งยอมรับความเสี่ยงเพื่อให้สามารถเติบโตได้แบบทวีคูณ และนักลงทุนกลุ่มนี้จะไม่ค่อยกังวลกับการสร้างพอร์ตการลงทุนที่มีความหลากหลาย
• 26% เป็นเทรดเดอร์ที่ชอบความผันผวน ซึ่งต้องการลงทุนในผลิตภัณฑ์ที่เห็นผลในระยะสั้น และมักจะชอบเป็นผู้ที่ได้ลองอะไรใหม่ ๆ นักลงทุนกลุ่มนี้มักเป็นนักลงทุนรายแรก ๆ ที่จะเลือกการลงทุนแบบใหม่
• 26% เป็นนักกลยุทธ์เชิงอไจล์ ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีส่วนร่วมในอุตสาหกรรมมากที่สุด โดยพวกเขากลุ่มนี้มองการลงทุนเป็นงานอดิเรก และมุ่งเน้นที่จะสร้างพอร์ตการลงทุนที่หลากหลาย เพื่อปกป้องและเพิ่มความมั่งคั่ง นอกจากนี้ พวกเขายังมักที่จะลงทุนในผลิตภัณฑ์ที่ตนเองเข้าใจอย่างชัดเจน
• 13% เป็นนักออมที่ระมัดระวัง โดยจะเลือกลงเงินน้อยที่สุดและไม่ชอบความเสี่ยงสูง พวกเขาจะเลือกลงทุนในผลิตภัณฑ์ที่มีความน่าเชื่อถือ และสิ่งที่จะมาช่วยลดความเสี่ยง รวมถึงให้ผลตอบแทนที่มั่นคงอันสามารถเก็บเป็นมรดกไว้ให้บุตรหลานของตนได้

นอกจากนี้ มากกว่า 80% ของนักลงทุนรายย่อยแต่ละกลุ่มเห็นด้วยว่า ทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ดี ซึ่งช่วยสร้างหลักประกันในช่วงที่เกิดความไม่แน่นอนทางการเมืองหรือเศรษฐกิจได้

งานวิจัยดังกล่าวชี้ให้เห็นว่า นักลงทุนเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ทองคำกว่า 73% ผ่านทางออฟไลน์ แต่เมื่อถามถึงปัจจัยของการเลือกซื้อทองคำแล้ว สาเหตุอันดับต้น ๆ ได้แก่ การขาย/เปลี่ยนทองเป็นเงินสดได้ง่าย ซื้อได้ตลอดเวลา และมีการสร้างผลกำไร ผลิตภัณฑ์ทองคำดิจิทัล ไม่ว่าจะให้บริการโดยธนาคารหรือผู้ให้บริการรายอื่น จะช่วยให้ผู้ขายสามารถทำการตลาดและผู้ซื้อสามารถตัดสินใจซื้อได้อย่างครอบคลุมและราบรื่นยิ่งขึ้น